ทรัมป์แนะยูเครนควรยุติสงคราม หลังปูตินเรียกร้องดินแดนเพิ่ม
รายงานระบุว่า ปูตินเสนอจะตรึงแนวรบไว้ หากรัฐบาลเคียฟยอมสละดินแดนทั้งหมดของแคว้นดอแนตสก์ ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญและเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของมอสโก แต่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว
ทรัมป์ยังกล่าวว่า เห็นพ้องกับปูตินว่าควรเข้าสู่การเจรจาสันติภาพโดยไม่จำเป็นต้องมีการหยุดยิงล่วงหน้า ซึ่งต่างจากจุดยืนก่อนหน้านี้ที่เขาเคยระบุว่าจะไม่ยอมรับหากปราศจากการหยุดยิง
ขณะที่เซเลนสกีตอบโต้ว่า การไม่หยุดการสู้รบจะทำให้การเจรจาสันติภาพที่ยั่งยืนเป็นไปได้ยาก พร้อมย้ำว่า “การยุติการสังหารคือองค์ประกอบสำคัญของการยุติสงคราม”
เซเลนสกียืนยันว่าจะเข้าพบทรัมป์ที่กรุงวอชิงตันในวันจันทร์ ซึ่งมีแนวโน้มที่ผู้นำยุโรปบางรายจะเข้าร่วมด้วย โดยเยอรมนีประกาศว่าจะเดินหน้ายกระดับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป
ทั้งนี้ รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 และจนถึงปัจจุบันยังคงรุกคืบอย่างต่อเนื่อง สงครามครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในยุโรปในรอบกว่า 80 ปี มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมแล้วมากกว่าล้านคน
นักวิเคราะห์ระบุว่าท่าทีของทรัมป์สอดคล้องกับจุดยืนของมอสโกในหลายด้าน โดยปูตินยังคงยืนยันข้อเรียกร้องเดิม รวมถึงสิทธิยับยั้งการเข้าร่วมองค์การนาโตของยูเครน ขณะที่รัสเซียมองว่าการได้หารือกับทรัมป์ถือเป็นชัยชนะทางการทูต หลังจากถูกชาติตะวันตกกีดกันมาตลอด
แม้นานาประเทศยกย่องความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันสันติภาพ แต่ผู้นำยุโรปยังคงย้ำจุดยืนหนุนหลังยูเครนอย่างเหนียวแน่น พร้อมเรียกร้องให้มีหลักประกันความมั่นคงที่แน่นหนา และไม่จำกัดสิทธิของยูเครนในการเสริมสร้างกองทัพหรือเข้าร่วมกับนาโต
สถานการณ์ล่าสุดยังคงตึงเครียด ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเจรจาทางการทูตยังเต็มไปด้วยอุปสรรคและข้อขัดแย้งที่ยากจะประนีประนอม.