สธ. จับมือองค์กรระดับโลก จัดเวทีกระตุ้นมาตรการป้องกัน “จมน้ำ” ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้-แปซิฟิกตะวันตก ที่เป็นสาเหตุประชากรโลกเสียชีวิตถึงปีละ 3 แสนคน
กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรพันธมิตรระดับโลกฯ จัดเวทีเสวนาพหุภาคี เร่งกระตุ้นการป้องกันการจมน้ำในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกตะวันตก เหตุประชากรโลกจมน้ำเสียชีวิตถึงปีละ 3 แสนคน ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กและเยาวชน
(1 กันยายน 2568) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข และองค์กรพันธมิตรระดับโลกเพื่อการป้องกันการจมน้ำ (Global Alliance for Drowning Prevention) ได้จัดการประชุม Accelerating Action on Drowning Prevention in South East Asia: Multisectoral Dialogue & Reception ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้ นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม โดยมีผู้แทนองค์การสหประชาชาติ องค์กรพันธมิตรระดับโลกเพื่อการป้องกันการจมน้ำ ผู้แทนจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกตะวันตก องค์กรพัฒนาระดับภูมิภาคและธนาคาร และองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ เข้าร่วม
พร้อมกล่าวว่า ทุกปีจะมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำมากกว่า 300,000 คนทั่วโลก หรือกว่า 3 ล้านคนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กและเยาวชน และมากกว่า 90% เกิดขึ้นในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ทำให้ความสนใจต่อการป้องกันการจมน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กและเยาวชนเสียชีวิต ซึ่งมีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจนด้านระบาดวิทยาของการจมน้ำ รวมถึงมีเอกสารเชิงเทคนิคและแนวทางปฏิบัติที่องค์การอนามัยโลกจัดทำขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนด้านการป้องกันการจมน้ำยังมีส่วนช่วยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพราะเป็นประเด็นพหุภาคีที่ต้องการการตอบสนองจากหลายภาคส่วน ทั้งด้านสาธารณสุข การศึกษา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ รวมถึงการขนส่งและการดำรงชีพ อีกทั้งยังมีฉันทามติทางการเมืองในระดับสูงเกี่ยวกับความจำเป็นและโอกาสในการเร่งดำเนินการ เช่น มติสมัชชาอนามัยโลกปี 2566 และมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติปี 2564 ว่าด้วยการป้องกันการจมน้ำ
นพ.ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข และองค์กรพันธมิตรระดับโลกเพื่อการป้องกันการจมน้ำ จึงได้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติที่ได้ผลในการป้องกันการจมน้ำทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงเปิดตัวรายงานสถานภาพการป้องกันการจมน้ำขององค์การอนามัยโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานในอนาคต เพื่อยกระดับการตระหนักรู้ สร้างเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง กระตุ้นให้เกิดการดำเนินการที่ชัดเจนมากขึ้น และขยายผลมาตรการที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคและทั่วโลก ถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมกันเร่งปฏิบัติเพื่อป้องกันการสูญเสียจากการจมน้ำ และสร้างอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน ทั้งนี้ ประเทศไทยได้นำเสนอความสำเร็จของการดำเนินงานแบบพหุภาคีเพื่อการป้องกันการจมน้ำ ควบคู่ไปกับมาตรการทั้งระดับนโยบายและระดับพื้นที่ โดยมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติสมัชชาสหประชาชาติ การนำแนวทางขององค์การอนามัยโลกมาประยุกต์ใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ MERIT MAKER ที่บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน จิตอาสา และชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทางน้ำ ส่งเสริมความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ (Water safety knowledge) ทักษะการเอาชีวิตรอดและการช่วยเหลือ (Survival swimming skill and Rescue skill) ทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) และสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัย
“แม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าในการป้องกันการจมน้ำ แต่ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะการลดการเสียชีวิตในทุกกลุ่มอายุ สร้างความเท่าเทียมในกลุ่มเปราะบาง การบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ ซึ่งการป้องกันการจมน้ำไม่ใช่เพียงภารกิจของภาคสาธารณสุขเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งด้านการศึกษา คมนาคม การจัดการภัยพิบัติ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในหลายข้อ” นพ.ภาณุมาศกล่าว