ไขคำตอบ จอดรถเข้าบ้าน...ต้องดึงเบรกมือเสริมเกียร์ P เรื่องเข้าใจผิดของคนใช้รถที่ต้องแก้ด่วน
ทุกครั้งที่คุณขับรถกลับถึงบ้าน เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง "P" แล้วดับเครื่องยนต์ หลายคนทำเพียงเท่านี้แต่ก็มีอีกมากมายทำเพิ่มคือการดึง "เบรกมือ" เสริมขึ้นมาจนสุด เกิดเป็นคำถามที่ถกเถียงกันมานานว่า การจอดรถในบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ราบ ไม่ใช่ทางลาดชัน จำเป็นต้องดึงเบรกมือควบคู่กับเกียร์ P จริงหรือ? วันนี้ Sanook Auto มาทำความเข้าใจกันครับ
การทำงานของ"เกียร์ P" และ "เบรกมือ"
ก่อนจะตอบคำถามนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่าทั้งสองระบบนี้ทำงานอย่างไรเริ่มจาก
- เกียร์ P (Park): เมื่อคุณเข้าเกียร์ P ไม่ได้หมายความว่าระบบเบรกของรถกำลังทำงาน แต่เป็นกลไกการใช้ "สลักล็อกเกียร์" (Parking Pawl) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็ก เข้าไปขัดกับเฟืองเกียร์เพื่อไม่ให้ชุดเกียร์และเพลาขับหมุน ลองนึกภาพแท่งเหล็กเล็กๆ ที่เสียบเข้าไปเพื่อล็อกฟันเฟืองขนาดใหญ่ไม่ให้เคลื่อนที่ หน้าที่ของมันคือการ "ล็อก" การหมุนของล้อผ่านชุดเกียร์เท่านั้น
- เบรกมือ (Parking Brake): คือการสั่งงาน "ระบบเบรก" ของรถยนต์โดยตรง (ส่วนใหญ่จะเป็นล้อคู่หลัง) เพื่อจับจานเบรกหรือดรัมเบรกให้หยุดนิ่งสนิท เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อ "ยึด" ล้อไม่ให้ขยับโดยเฉพาะ มีความแข็งแรงและทนทานสูง
ทำไมจอดรถเกียร์ออโต้ต้องเข้าทั้ง P และ เบรคมือ
แม้จะจอดในพื้นที่ราบที่บ้าน การใช้เบรกมือทุกครั้งยังคงเป็นสิ่งที่เราแนะนำอย่างยิ่ง เพราะจริงๆ แล้วการเข้าเบรคมือจะมีหน้าที่สำคัญคือ
1. ลดภาระและยืดอายุการใช้งานชุดเกียร์ นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด! การเข้าเกียร์ P เพียงอย่างเดียว จะทำให้น้ำหนักทั้งหมดของรถยนต์ (ซึ่งหนักเป็นตัน) ถูกถ่ายลงบน "สลักล็อกเกียร์" ชิ้นเล็กๆ เพียงชิ้นเดียว แม้บนพื้นราบก็ยังมีแรงกดทับอยู่ตลอดเวลา และหากพื้นมีความลาดเอียงแม้เพียงเล็กน้อย แรงกดทับมหาศาลนี้จะส่งผลให้สลักและเฟืองเกียร์เกิดการสึกหรอสะสมในระยะยาว การดึงเบรกมือก่อน จะให้ระบบเบรกเป็นผู้รับน้ำหนักของรถไว้ทั้งหมด ส่วนสลักเกียร์ P จะทำหน้าที่เป็นเพียงระบบล็อกสำรอง ช่วยลดภาระและยืดอายุการใช้งานของชุดเกียร์ซึ่งมีค่าซ่อมบำรุงที่สูงลิ่ว รวมถึงยางรองแท่นเครื่องเช่นกันครับ
2. เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด อุบัติเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น หากมีรถคันอื่นมาชนท้ายรถของคุณที่จอดอยู่ แรงกระแทกอาจรุนแรงจนทำให้สลักล็อกเกียร์ที่รับน้ำหนักอยู่ตัวเดียวเสียหายหรือหักได้ ซึ่งจะทำให้รถไหลไปสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือบุคคลอื่นได้ การมีเบรกมือที่ล็อกล้อไว้อีกชั้นหนึ่ง จะเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่
3. ป้องกันอาการ "เกียร์ติด" และเสียงกระชาก เคยรู้สึกไหมว่าบางครั้งการเลื่อนเกียร์ออกจากตำแหน่ง P ทำได้ยากและมีเสียงดัง "แกร็ก!" หรือ "กึ้ก!" นั่นเป็นอาการที่เกิดจากสลักล็อกเกียร์ถูกน้ำหนักรถกดทับจนแน่น ทำให้ต้องใช้แรงในการปลดล็อกมากขึ้น เสียงที่เกิดขึ้นคือเสียงที่สลักกระแทกกับเฟืองตอนปลดล็อก ซึ่งเป็นสัญญาณของการทำงานหนักเกินไป การใช้เบรกมือจะช่วยป้องกันปัญหานี้ ทำให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลและเงียบขึ้น
วิธีที่ถูกต้องในการจอดรถเกียร์ออโต้ (เกียร์อัตโนมัติ)
เพื่อถนอมเกียร์และเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรจอดรถตามลำดับขั้นตอนนี้จนเป็นนิสัย
ขั้นตอนการจอดเกียร์ออโต
- เหยียบเบรกเท้าให้รถหยุดนิ่งสนิท
- เลื่อนตำแหน่งเกียร์ไปที่ N (เกียร์ว่าง)
- ดึงเบรกมือขึ้นให้สุด (ขั้นตอนนี้ระบบเบรกจะรับน้ำหนักรถไปเต็มๆ)
- ค่อยๆ ปล่อยเบรกเท้า เพื่อให้รถหยุดนิ่งสนิทด้วยแรงของเบรกมือ
- เหยียบเบรกเท้าอีกครั้ง และเลื่อนคันเกียร์ไปที่ P (Park)
- ดับเครื่องยนต์
ขั้นตอนการออกรถเกียร์ออโต้
- เหยียบเบรกเท้าค้างไว้
- สตาร์ทเครื่องยนต์
- เลื่อนคันเกียร์ออกจาก P มาที่ R หรือ D
- ปลดเบรกมือลง
- ปล่อยเบรกเท้าและเคลื่อนรถ
ดังนั้นแล้วการจอดรถเข้าบ้านที่ถูกต้องโดยเฉพาะรถเกียร์อัตโนมัติ จะเป็นเรื่องดีเพราะจถทำให้การสึกหรอของรถนั้นน้อยลงและใช้งานไปได้นานๆ การเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมการใช้รถก็จะช่วยให้ประหยัดค่าซ่อมรถระยะยาวได้เช่นเดียวกันครับ ครั้งหน้า Sanook Auto จะมาเล่าเทคนิคการใช้รถอะไรอย่าลืมมาติดตามกันครับ