เม่นสองสี ขี้สองกอง พรรคสองเลว คนโบราณปักป้ายไว้ว่าเป็นอันตราย
(25 ส.ค. 68) สัตว์เดรัจฉานบางชนิด เช่น “เม่น” เวลาจะเข้าหากัน ก็มักจะกลัวอีกฝ่ายทิ่มแทง ไม่ต่างจาก “พรรคการเมืองทำลายชาติ” สองพรรค สองสี หากจำเป็นต้องแอบผสมพันธุ์กันเพื่อผลประโยชน์ ตัวหนึ่งก็ต้อง “แกล้งยอมเจ็บ” ในบางขณะ เพื่อแลกกับ “ชาติที่ไม่มีสถาบันกษัตริย์” ให้ระคายใจอีกต่อไป
เพราะการจะขึ้นทำเนียบเป็น “นักการเมืองล้มระบอบเดิม” การบินเดี่ยวลุยพรรคเดียวมันยากจะปักธงเลว ต้องกอดคอกับประเภทที่ “ชั่วพอกัน” เท่านั้น
เม่นสีแรก ริเริ่มเป็นปฐมบทแห่งความคิด “ล้มสถาบันกษัตริย์” จัดตั้งขบวนการมอมเมา “กลุ่มคนอิสานเขลา” ให้ “ปลดรูปในหลวงออกจากข้างฝา” เพื่อทำให้สถาบันดูอ่อนแอลง ตามต่อด้วยการเผาห้าง เผาศาลากลาง เผาเมือง มีประเด็นซุกหุ้น ถุงเงินสองล้าน สามหนาห้าห่วง ที่ดินรัชดา แก้กฎหมายเพื่อตนเอง โกงการจำนำข้าว หนีคดี และโกงการติดคุก เลยมาจนถึง “คำพูดขายชาติ” ของนายกไร้ประสบการณ์ ทั้งการเหยียดทหารไทย และอิงใจให้กับ “เขมรแดงแปรพักตร์” พฤติกรรมที่คนไทยได้รู้ได้เห็นจึงไม่ต่างจาก “ขี้” ที่ทั้งส่งกลิ่นเหม็นอบอวล และไร้ประโยชน์ต่อสังคมชาติ
เม่นอีกสี ก่อกำเนิดขึ้นมาด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง แฝงความอกตัญญูต่อแผ่นดินเป็นทุน มีความจงเกลียดจงชังสถาบันกษัตริย์ อยากได้ อยากมีอย่างเขา แต่ไม่ได้มีบุญมีบารมีเท่า จึงเดินหน้าปลุกปั่นให้ผู้คน “ชูสามนิ้ว” แสดงออกถึงการเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน ส่งเสริมให้พากันกัดเซาะ ใส่ร้าย ให้สถาบันเป็นที่เกลียดชัง จนเด็ก ๆ ต้องโดนคดี 112 หมดอนาคตไปหลายคน ยังปกป้อง สส.หนีการเกณฑ์ทหาร ไม่กล้าแตะนักโทษชั้น 14 สนับสนุนคนพม่า ให้คุณค่าต่อ “ขแมร์” ไม่แคร์ไทยเสียดินแดน ยังด้อยค่าและดูแคลนน้ำใจของทหารไทย ทั้ง ๆ ที่เสียสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินแม่ เป็นฝ่ายค้านที่ไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แต่กลับทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลสารเลว สมคบคิดกันเพื่อผลประโยชน์ต่างตอบแทน
เม่นสองสี ขี้สองกอง พรรคสองเลว จัดว่าเป็นอันตรายต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนทุกคน จับตาดูให้ดี อย่าประมาทครับ..คนไทย