สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 ส.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.น่าน (153 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครพนม (171 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ประจวบคีรีขันธ์ (20 มม.) ภาคกลาง : จ.พระนครศรีอยุธยา (65 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (99 มม.) ภาคใต้ : จ.ระนอง (70 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 28 - 31 ส.ค. 68 ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง
พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณแขวงบอลิคำไซ ประเทศลาว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันปกคลุมประเทศลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยในช่วงเช้าวันนี้ (26 ส.ค. 68) จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณจังหวัดน่านในช่วงเย็นวันนี้
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 66% ของความจุเก็บกัก (53,192 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 50% (29,072 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (25 ส.ค. 68)นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อประชาชนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” จึงได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์พายุ ณ กรมอุตุนิยมวิทยา โดยเป็นการบูรณาการระหว่างกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังพายุและแจ้งเตือนสถานการณ์แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมสั่งการให้ สทนช. ใช้กลไกของศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ลุ่มน้ำโขงเหนือ ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำยม-น่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ในการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ โดยเน้นการเร่งพร่องน้ำในลำน้ำและอ่างเก็บน้ำที่ได้รับอิทธิพลจากพายุ “วิภา” ช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างพื้นที่รองรับน้ำเพิ่มเติม พร้อมทั้งกำกับดูแลให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับสถานการณ์จริง
รวมถึงสั่งการให้มีการประเมินแนวโน้มสถานการณ์เปรียบเทียบกับอุทกภัยที่เคยเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยเฉพาะอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 เพื่อเตรียมการรับมือได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยพบว่าสถานการณ์ในปีนี้มีความแตกต่างจากปี 2554 อย่างชัดเจน เนื่องจากปี 2554 ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุรวม 5 ลูก ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านอย่างยาวนาน รวมถึงปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งทำให้ฝนเริ่มตกเร็วและมีปริมาณฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ทำให้ในเขื่อนขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำมาก และใกล้เคียงความจุเก็บกัก เมื่อเกิดฝนตกหนักจึงจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างและท่วมระยะเวลานาน
ในขณะที่ปี 2568 ปริมาณฝนโดยรวมเกินค่าเฉลี่ยปกติเล็กน้อย และประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุ 2 ลูก (พายุ “วิภา” และพายุ “คาจิกิ”) โดยคาดว่ายังมีแนวโน้มเกิดพายุเพิ่มเติมได้อีกในช่วงเดือนกันยายน สำหรับเขื่อนขนาดใหญ่ปัจจุบันยังมีความสามารถในการรองรับน้ำเพิ่มเติม โดยเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำ ร้อยละ 68 ของความจุเก็บกัก ยังรองรับน้ำได้อีกกว่า 4,300 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 82 ของความจุเก็บกัก รองรับได้อีก 1,700 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีพื้นที่ว่างรับน้ำได้อีกรวมกว่า 1,200 ล้าน ลบ.ม. พร้อมกันนี้ จากคาดการณ์ล่วงหน้าในช่วง 7 วันนี้ คาดว่าจะมีปริมาณน้ำสูงสุดในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ 1,605 ลบ.ม. ต่อวินาที และการระบายน้ำสูงสุดของเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 1,300 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งยังต่ำกว่าระดับที่ส่งผลกระทบต่อในพื้นที่ลุ่มต่ำ
สุดท้ายนี้ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานเดินหน้าบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์และลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 25 ส.ค. 68