ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดประชุมติวเข้ม 'หมอภัยพิบัติ' รับมือเหตุฉุกเฉิน-สร้างความร่วมมือนานาชาติ
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าวศ.เกียรติคุณ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินระดับนานาชาติ ประจำปี 2568 “The 2nd CRA Disaster and Emergency Management Conference: Resilience & Sustainability in Action” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม โดยมีคณะผู้บริหารจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉิน เข้าร่วมในกิจกรรม
ผศ.ดร.พญ.ภัทรานิษฐ์ ภัทรพรเจริญ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์แพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ภัยพิบัติถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยมีแนวโน้มเกิดบ่อยและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน ระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง รายงานจากศูนย์วิจัยและระบาดวิทยาด้านภัยพิบัติ(CRED) ระบุว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2551–2560 มีภัยพิบัติเกิดขึ้นเฉลี่ย 343 ครั้งต่อปี คร่าชีวิตผู้คนกว่า 11,755 ราย และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจรวมกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทวีปเอเชียมีอัตราการเกิดภัยพิบัติสูงที่สุดในโลก และประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว และโรคอุบัติใหม่ ซึ่งส่งผลต่อชีวิต สังคมและระบบบริการขั้นพื้นฐาน
ผศ.ดร.พญ.ภัทรานิษฐ์ กล่าวว่า นอกเหนือจากภัยธรรมชาติแล้ว ในปี 2568 ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความขัดแย้งและเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องอพยพออกจากพื้นที่อยู่อาศัยมากกว่า 200,000 คน และมีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนรวมหลายสิบราย ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงพยาบาล ร้านค้า และกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งความขัดแย้งด้านชายแดนดังกล่าวไม่ใช่เพียงภัยทางทหารเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อภาระทางมนุษยธรรมและสาธารณสุขไทยอย่างร้ายแรง การอพยพจำนวนมากสร้างแรงกดดันต่อระบบบริการสุขภาพในพื้นที่ และสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดในการจัดการภาวะฉุกเฉินต่อบริบทที่ซับซ้อน
ผศ.ดร.พญ.ภัทรานิษฐ์ กล่าวว่า ศูนย์แพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ได้รับพระราชทานนามจาก ศ.ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานและนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เมื่อปี พ.ศ.2560 โดยมีเป้าหมายให้ศูนย์ดังกล่าวเป็น “ศูนย์ฝึกอบรมด้านการแพทย์ภัยพิบัติแห่งภูมิภาคอาเซียน” เพื่อสร้างเสริมองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยในวันนี้ได้จัดการประชุมวิชาการด้านการแพทย์ภัยพิบัติและฉุกเฉินระดับนานาชาติ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งมีความพิเศษมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือจากภาคี ได้แก่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, วิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย, สมาคมแพทย์ทหารแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ Society for Disaster Medicine and Public Health(SDMPH) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแนวคิดหลักของปีนี้คือ ความร่วมมือเพื่อตอบโต้เหตุภัยพิบัติฉุกเฉินอย่างยั่งยืน เมื่อล้มแล้วต้องลูกกลับขึ้นมาใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการประชุมตลอดทั้ง 3 วันจะมีการจัดกระบวนการสร้างเสริมความรู้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ให้สอดคล้องกับคำแนะนำระดับโลก เช่น องค์การอนามัยโลก(WHO) สหประชาชาติ(UN) และคำแนะนำระดับประเทศ ถ่ายทอดผ่านผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติจากประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
ผศ.ดร.พญ.ภัทรานิษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำเรื่องของความร่วมมือกับกองทัพ เพราะไม่ใช่เพียงประเทศไทยที่มีความขัดแย้งหรือเผชิญกับสงครามแต่ในต่างประเทศก็กำลังเผชิญเรื่องนี้เช่นกัน ฉะนั้นจะต้องสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นแบบไร้เขตแดน เพื่อให้สามารถตอบโต้เหตุการณ์ได้ดีขึ้น ไปจนถึงการเสริมสร้างด้านงานวิจัยของทั่วโลกในการตอบโต้เหตุภัยพิบัติ แบ่งออกเป็นฐานๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้ฝึกการตอบโต้เหตุเสมือนจริง เช่น เหตุการณ์ตึกถล่ม ไฟไหม้ น้ำท่วม เป็นต้น
“ที่สำคัญคือการทำให้การซ้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน สามารถใช้ได้จริงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์(AI) ความเป็นจริงเสมือน(VR) การจำลองความจริง(XR) มาเพื่อฝึกซ้อมบุคลากรทางการแพทย์ ให้ได้ฝึกเสมือนจริง” ผศ.ดร.พญ.ภัทรานิษฐ์ กล่าว
ผศ.ดร.พญ.ภัทรานิษฐ์ กล่าวว่า คำว่าภัยพิบัติ มีความหมายถึงเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างทันที เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอเหตุการณ์ แล้วเราตอบโต้ไม่ได้ทันที ถึงจะเรียกว่าภัยพิบัติ ซึ่งปัจจุบันพบได้มากขึ้น จนองค์การอนามัยโลกให้คำนิยามไว้ว่า “Disaster is not if but when” มีความหมายว่า ภัยพิบัติไม่ใช่แค่เกิด แต่เมื่อไหร่จะเกิดต่างหาก ฉะนั้นทุกคนต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา จะให้มีการตอบโต้ต่อเหตุได้อย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีความพร้อมในการรับมือกับเหตุภัยพิบัติมากขึ้น โดยเฉพาะทีมฉุกเฉินที่สามารถลงพื้นที่ตอบโต้กับเหตุได้ดีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในการปฏิบัติงาน นอกจากนั้น ยังมีการตั้งกลยุทธ์ให้เกิดการตอบโต้ได้ดีขึ้นทั้งในระดับการบริหาร และการจัดการทรัพยากรต่างๆ ให้คุ้มค่ามากที่สุด
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดประชุมติวเข้ม ‘หมอภัยพิบัติ’ รับมือเหตุฉุกเฉิน-สร้างความร่วมมือนานาชาติ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th