เตรียมหารือเอกชน ปมไฮสปีดเทรน 3 สนามบิน
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 21.32 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพ 19 ส.ค. – รฟท. จ่อหารือเอกชน ปมแก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน หลังอัยการติงขัดมติ ครม.
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า จากที่ รฟท.ได้ส่งร่างสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไขโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม.วงเงิน 224,544 ล้านบาท ที่มีบริษัท เอเชียเอราวัน จำกัด(ซี.พี.) เป็นผู้รับสัมปทาน ระยะเวลา 50 ปี ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 สำนักงานอัยการสูงสุดได้ส่งร่างสัญญาฯ ดังกล่าวกลับมาที่ รฟท.แล้ว โดยในวันที่ 18 ส.ค.68 คณะทำงานแก้ไขสัญญาโครงการฯ ที่มีนายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าฯ รฟท.เป็นประธาน และ บจ.เอเชียเอราวัน จะมีการหารือในความเห็นจากอัยการสูงสุดต่อไป
โดยเบื้องต้นมีความเห็นจากอัยการประมาณ 10 ข้อ เช่น เห็นว่าการแก้ไขร่างสัญญาอาจขัดกับหลักการหรือไม่และรัฐต้องไม่เสียประโยชน์ ซึ่งเมื่ออัยการสูงสุดมีความเห็นมา รฟท.จะนำทุกประเด็นมาพิจารณาเพื่อยืนยันว่าที่ได้ดำเนินการแก้ไขมานั้นไม่ขัดต่อหลักการและต้องนำเสนอให้ครบถ้วนแต่หากพิจารณาแล้วขัดต่อหลักการตามความเห็นของอัยการสูงสุดก็ต้องมีการแก้ไขหลักการก็จะนำเสนอเพื่อพิจารณาไปพร้อมกันทั้งแก้ไขหลักการและแก้ไขร่างสัญญาเพื่อไม่ให้ล่าช้า
อัยการ มีความเห็นว่า ควรแก้ไขหลักการให้เสร็จก่อนค่อยแก้สัญญาแต่ในส่วนของ รฟท.และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC มีความเห็นตรงกันว่า หากการแก้ไขสัญญามีผลต่อหลักการเดิมของมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่เห็นชอบไปแล้วก็จะขอแก้ไขหลักการและแก้ไขร่างสัญญาไปพร้อม ๆ กันได้
สำหรับประเด็นความเห็นอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญาที่อาจขัดต่อหลักการสัญญา เช่น กรณีแก้ไขเงื่อนไขการชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) โดยให้เอกชนแบ่งชำระค่าสิทธิจำนวน 10,671.09 ล้านบาท เป็น 7 งวดเป็นรายปีจำนวนเท่า ๆ กันโดยต้องชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญา อัยการสูงสุดมองว่าถ้าเอกชนยังจ่ายค่าใช้สิทธิ์ไม่ครบถ้วนก็ไม่ควรจะได้สิทธิ์บริหารโครงการซึ่งรฟท.จะยืนยันว่าเงื่อนไขเดิมให้ชำระค่าสิทธิ์เป็นเงินสดงวดเดียวแต่จะแก้เป็นแบ่งชำระเหมือนผ่อนจ่ายโดยมีข้อตกลงและมีหลักประกันเอาไว้ด้วยรวมถึงกรณีแก้ไขปรับวิธีการชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการฯ (Public Investment Cost: PIC) ทั้งโครงการจากเดิมกำหนดชำระเงินเมื่อก่อสร้างโครงการฯ แล้วเสร็จและเริ่มเปิดให้บริการเดินรถแล้วจำนวนไม่เกิน 149,650 ล้านบาทรัฐต้องจ่ายเร็วขึ้นตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างที่รฟท.ตรวจรับเป็นวิธีสร้างไปจ่ายไปอาจจะขัดกับหลักการที่แก้ไขด้วยหรือไม่เป็นต้น
โดยหลังจากหารือในวันที่ 18 ส.ค.นี้ หากวิเคราะห์ความเห็นของอัยการสูงสุดแล้วยืนยันไม่ขัดต่อหลักการที่ ครม.มีมติจะสรุปส่งไปหารือกับ สกพอ., คณะกรรมการกำกับสัญญาบอร์ดอีอีซีเสนอ ครม.ขอแก้ไขสัญญาอย่างเดียวและลงนามแก้ไขสัญญาฯ ต่อไป.-513-สำนักข่าวไทย