ดิว อริสรา ยอมจ่ายสด 3.5 ล้าน ให้บริษัทดังปมสร้อยหรู ส่วนหนี้อีก 3.5 ล้าน เมย์ วาสนา ช่วยออกก่อน 1.75 ล้าน
ไนน์เอ็นเตอร์เทน
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 19.10 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทยวันนี้ (19 ส.ค. 68) เวลา 09.00 น. ที่ศาลแขวงปทุมวัน นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ พร้อมด้วย น.ส.ณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด ในฐานะโจทก์ เดินทางมาตามนัดศาลเพื่อไต่สวนกับ น.ส.อริสรา ทองบริสุทธิ์ หรือ ดิว อริสรา ในฐานะจำเลย ที่ก่อนหน้านี้มีการยื่นฟ้องในข้อหาฉ้อโกง กรณีนำสร้อย BVLGARI ของ เมย์ วาสนา มาฝากขายในราคา 7 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง
ด้านนายนิติศักดิ์ มีขวด หรือ ทนายเอี้ยง ทนายความของ ดิว อริสรา แจ้งว่า ดิว อริสรา ไม่ได้เดินทางมาขึ้นศาลด้วยตัวเอง โดยส่งทนายความมาเจรจา ซึ่งการเผชิญหน้ากันในศาลทั้ง 2 ฝ่ายมีความพยายามไกล่เกลี่ยกันก่อนถึงชั้นไต่สวน โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะออกจากห้องพิจารณาคดีและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากศาลแขวงปทุมวัน ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความฝั่งโจทก์หอบเงินสด 3.5 ล้านบาท จากฝั่งทนายความของ ดิว อริสรา พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชนแบบพร้อมหน้าทั้งสองฝ่ายเผยว่า การเจรจาในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี บรรลุวัตุประสงค์ ทาง ดิว ยินยอมจ่ายเงินครึ่งหนึ่งคือ 3.5 ล้านบาท
ขณะที่นายนิติศักดิ์ ทนาย ดิว อริสรา เผยว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เจอกับ ดิว เพื่อพูดคุยกัน โดย ดิว มีเจตนาตั้งแต่ต้นในการคืนเงิน ซึ่งการพูดคุยในวันนี้ตกลงกันที่ 3.5 ล้านบาท และทยอยคืนในส่วนที่เหลือเดือนละไม่น้อยกว่า 100,000 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเพิ่มจำนวนเงินเป็นไม่น้อยกว่า 200,000 บาท จนกว่าจนชำระหมด ซึ่งจะต้องใช้เวลาคืนเงินทั้งหมดไม่เกิน 1 ปีหลังจากนี้ โดยเงินในส่วนที่เหลือหลังจากนี้จะมีการทำสัญญาผ่อนชำระทางแพ่ง หลังจากทำสัญญาผ่อนชำระทางแพ่งแล้ว ทางบริษัทแบรนด์เนม ยินดีที่จะถอนฟ้องทันที รวมถึงนัดคืนสร้อยคอหรูกับทางเจ้าของสร้อยอย่าง เมย์ วาสนา ทันที ซึ่งคาดว่าหลังจากวันนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 1 อาทิตย์ โดยจะนัดสื่อร่วมเป็นพยานอีกครั้ง ในส่วนของเงิน 3.5 ล้านที่นำมาคืนวันนี้ ทนายความเผยว่าเป็นเงินที่ ดิว ตั้งใจหามาจากหลาย ๆ วิธี ทั้งขอความช่วยเหลือจากคนที่สนิท รวมกับการตั้งใจทำงานในช่วงที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้ศาลนัดทั้ง 2 ฝ่ายไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 2 กันยายน 2568 ซี่งคาดว่าก่อนถึงวันนั้นบริษัทแบรนด์เนมจะมีการถอนฟ้องแล้ว สำหรับกระเป๋าแบรนด์เนมอีก 2 ใบ ที่มีการนำไปขายให้กับร้านอื่นนั้น ทนายความเผยว่าหลังจากนี้จะมีการเจรจาเพื่อหาเงินไปไถ่คืน ซึ่งคาดว่าจะใช้รูปแบบเดียวกัน คือจ่ายเงินก้อนส่วนหนึ่งจากนั้นจะค่อย ๆ ทยอยชำระจนหมด คาดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ไม่สามารถระบุรายละเอียดของการจบเรื่องทั้งหมดได้ แต่อยากให้ทุกอย่างจบโดยเร็วที่สุด
ด้านผู้บริหารบริษัทแบรนด์เนมเผยว่า ที่ผ่านมามีความเข้าใจและเห็นใจ ในฐานะคนเป็นแม่เหมือนกันไม่ว่าคนเราจะล้มแผลเล็กแผลใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องรักษาแผล อยากบอก ดิว ว่าเราก็ต้องสู้กันต่อ สำหรับเงิน 3.5 ล้านที่ยังเหลืออยู่ ให้วันนัดคืนสร้อยหรูเร็ว ๆ นี้ คุณ เมย์ วาสนา มีความจำนงในการช่วยเหลือ ดิว ด้วยการควักเงินส่วนตัว 1.75 ล้านบาท ช่วย ดิว ผ่อนชำระกับร้านแบรนด์เนมเพื่อลดเวลาให้เรื่องทุกอย่างจบ ทำให้ ดิว ต้องชำระให้ร้านแบรนด์เนมอีกเพียง 1.75 ล้านบาท แล้วเปลี่ยนมาผ่อนชำระยอดเงิน 1.75 ล้านบาท กับเมย์ วาสนา แทน นอกจากนี้ยังเผยอีกว่าที่ผ่านมาร้านแบรนด์เนมพยายามมองข้ามในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา จึงเรียกร้องจาก ดิว เพียงเงินค่าสร้อย 7 ล้านบาทเท่านั้น มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้เป็นตัวอย่างกับลูกค้ารายอื่น ๆ ว่าหากมีการกระทำที่ไม่ถูกต้อง บริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด จะใช้กฎหมายเข้าจัดการทันที
นอกจากนี้ทนายความ ดิว ยังเผยถึงข่าวลือเจ้าหนี้คนใหม่ของ ดิว ซึ่งมีความใกล้ชิดมีอาชีพเป็นนักร้องและให้ดิวยืมเงินไปถึง 20 ล้านบาท ซึ่งตามทวงคืนอยู่ตลอดในช่วงที่ผ่านมา ทนายเผยว่าได้ทราบข่าวเรื่องนี้จากข่าว แต่ยังไม่ได้คุยกับ ดิว ซึ่งทุกอย่างต้องไปดูข้อเท็จจริงอีกครั้ง ถามว่าทนายจะมีการดูแลคดีนี้ต่อหรือต้องรอดูว่าเรื่องนี้เป็นคดีไหม ไม่สามารถพูดก้าวล่วงคนอื่นได้ เพราะส่วนตนไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นสำคัญ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมีเรื่องเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะ ดิว เขาไม่มี
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีที่ ดิว ยืมของแบรนด์เนมจากนักธุรกิจสาวทั้งสิ้น 62 ล้านบาท เพื่อไปแก้ไขปัญหาชีวิตส่วนตัว จากนั้นมีการนำไปขายให้กับร้านแบรนด์เนมในราคาที่ถูกกว่ามูลค่าจริง ซึ่งคดีใช้เวลายืดเยื้อตั้งแต่วันที่ยืมแบรนด์เนมมาเป็นระยะเกือบ 1 ปี .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน