“เจ๊หนิง” หอบหลักฐานโต้ ยัน “เมียอดีต บิ๊ก จ.’ ลักทรัพย์
(18 ส.ค. 68) กรณี น.ส.ธณัฏฐา หรือหนิง อายุ 50 ปี อดีตอาจารย์พิเศษโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน แจ้งความให้ดำเนินคดี นางศิรินัดดา ภรรยาอดีตนายตำรวจ ชื่ออักษรย่อ จ. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกันนางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 18 ส.ค.ที่สน.พระโขนง นางสาวธณัฎฐาเตรียมเอกสารหลักฐานการซื้อขายทองคำที่อ้างว่า ถูกนางศิรินัดดา ภรรยาของอดีตนายตำรวจดังกล่าว บุกเข้าไปลักทรัพย์ที่คอนโด เพื่อส่งให้พนักงานสอบสวน หลังอัยการมีคำสั่งขอหลักฐานเพิ่มเติม
โดยนางสาวธณัฎฐา กล่าวว่า ตนได้นำเอกสาร การซื้อขายทอง ซึ่งไปขอกับทางร้านให้ออกหนังสือยืนยันให้ และทางเจ้าของร้านก็พร้อมจะไปเป็นพยานให้ด้วย รวมถึงได้นำเอกสารเพิ่มเติมเป็นการซื้อขายเหรียญพระเครื่องเนื้อทองคำ จากตำรวจภูธรอยุธยา ที่หายไป โดยคดีลักทรัพย์ที่ตนเคยแจ้งความไว้ทางอัยการมีคำสั่งให้สอบเพิ่ม แต่ชั้นพนักงานสอบสวน กลับมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากอ้างว่าเช็คพิกัดโทรศัพท์ของตนไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ และนางศิรินัดดา มีการเช่าห้องพักดังกล่าวโดยที่พนักงานสอบสวนไม่เคยถามถึงหลักฐานการซื้อขายทองคำ ทรัพย์สินต่าง ๆ และไม่แจ้งความคืบหน้าทางคดีกับตนว่ามีการสั่งฟ้องหรือไม่ แต่ในส่วนคดีแจ้งความเท็จของตนกลับมีการสั่งฟ้อง แต่อัยการสั่งให้รอผลของคดีลักทรัพย์ก่อน ตนจึงนำหลักฐานเข้ามายื่นเพิ่มเติม
วันเกิดเหตุตนนึกได้ว่าเก็บทองดังกล่าวไว้ที่ห้องพักจึงรีบขับรถตามไปกับเพื่อน และเห็นนางศิรินัดดา กับเพื่อนรวม 4 คน เดินออกมาจากคอนโดดังกล่าว โดยนางศิรินัดดา จอดรถไว้ข้างคอนโด และสังเกตเห็น นางศิรินัดดา ถือกระเป๋าสีดำ ซึ่งไม่แน่ใจว่าใช่กระเป๋าของตนหรือไม่ จึงรีบขึ้นไปดูของในห้องพัก ชั้น 7 เมื่อเจอกับหลาน โดยหลานบอกว่าเจอกับนางศิรินัดดาในห้องดังกล่าว เมื่อเปิดดูตู้เก็บทองคำ พบว่าหายไป แต่เจอกระเป๋านางศิรินัดดาวางอยู่ ซึ่งเพื่อนตนจะไปเป็นพยานในชั้นศาลให้ด้วย
ส่วนกรณีที่นางศิรินัดดาอ้างว่ามีการเช่าคอนโดตน ซึ่งตนมีคอนโดทั้งหมด 2 ที่ ยอมรับว่าคอนโดอีกแห่งหนึ่งนางศิรินัดดา มีการเช่าจริง โดยมีเอกสารการเช่า แต่คอนโดที่เกิดเหตุไม่มีการทำสัญญาเช่าใดๆ โดยปกติการเช่าคอนโดต้องมีการวางเงินมัดจำป้องกันของเสียหาย
ทั้งนี้ตนคิดว่าทางพนักงานสอบสวนจะต้องเรียกทางเจ้าของร้านทองมาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ามีการซื้อทองจริงหรือไม่ โดยปกติแฟนตนจะซื้อทองคำแท่งครั้งละ 10 บาท จะทยอยซื้อแบบนี้เป็นประจำ รวมทองคำแท่งหนัก 150 บาท แท่งละ 10 บาท 11 แท่ง และแท่งละ 5 บาท 9 แท่ง และทองรูปพรรณซึ่งจดไว้ในกระดาษที่เคยนำไปออกรายการโหนกระแส แต่กลับไม่มีคนเชื่อ ถูกคนทั้งประเทศด่าสร้างเรื่องเพื่อต้องการแบล็กเมล์ภรรยาอดีตนายตำรวจ
นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียง ที่ ภรรยาอดีตนายตำรวจ ระบุว่า หลานตนได้ไปกราบขอโทษที่ตนไปใส่ร้าย สร้างพยานเท็จ สร้างสตอรี่ เพื่อแบล็กเมล์และต้องการเงินจากเขา และกรณีที่ภรรยาอดีตนายตำรวจ แจ้งความดำเนินคดีหลานตนในข้อหาหมิ่นประมาท ที่ สภ.หาดใหญ่ จากนั้นวันที่ 17 ธ.ค.2567 ร้อยเวรโทรให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่นานกลับถูกออกหมายจับทันที คล้ายกับตนที่ถูกแจ้งความเท็จและถูกออกหมายจับ และมีตำรวจจากส่วนกลาง (ปอศ.) ไปจับหลานตน ขณะหลานตนอยู่สามพราน แต่ถูกพรรคพวกของภรรยาอดีตนายตำรวจเข้าไปจับ และให้ตำรวจ สภ.หาดใหญ่มารับตัวหลานตน หลังจากนั้นตนก็ไม่สามารถติดต่อหลานได้อีก
“หลานตนกลับไปให้การว่า ตนเป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมาว่าไม่มีการเข้าไปที่คอนโดดังกล่าวจริง ซึ่งตนมีคลิปเสียงที่ภรรยาอดีตนายตำรวจมีการยื่นข้อเสนอให้หลานตนกลับคำให้การ โดยระบุว่า หากฟ้องอาญา คดีหมิ่นประมาท แต่ไม่ฟ้องแพ่ง ถ้าฟ้องแพ่งจะเสีย 5 แสน-1 ล้าน ทำให้หลานตนกลัว และมีการล็อบบี้หลานตนกับน้องสาวแฟนตนไว้กับเขา ตนยืนยันว่ามีหลักฐานทุกอย่างที่พร้อมยื่นในชั้นศาล จึงอยากขอความเป็นธรรมเรื่องที่กล่าวหาว่าตนสร้างเรื่องเพื่อแบล็กเมล์เอาเงินเขาด้วย” นางสาวธณัฎฐา กล่าว