เทรนด์ความงาม 2025 ‘สวยให้โลกจำ’ ..ต้องมีความยั่งยืนที่หลากหลาย
“เกียรติภูมิ แสงศร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอร์สเมติค อินโนวาทีค แลบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสูตรตำรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ระบุว่า อุตสาหกรรมความงาม และดูแลส่วนบุคคลทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญ จากการขับเคลื่อนของเทคโนโลยี ความยั่งยืน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืน ที่แบรนด์ต่าง ๆ ให้การยอมรับและเน้นทำผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากแหล่งวิจัยชั้นนำชี้ให้เห็นถึง 4 เทรนด์สำคัญในปี 2025 ดังนี้
1. ความยั่งยืนและความโปร่งใส หนึ่งในแกนหลักของอุตสาหกรรมความงามโลกปี 2025 และต่อเนื่องถึงอนาคต เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ไม่เพียงต้องการ “ผลลัพธ์ที่ดี” แต่ยังต้องการให้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์ “ดีต่อโลก” ด้วย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลาย หรือรีไซเคิลได้ อีกทั้งต้องมีความโปร่งใสของส่วนผสม แหล่งที่มาของวัตถุดิบ เพื่อความมั่นใจความปลอดภัยและจริยธรรมของผลิตภัณฑ์ สะท้อนจากผลสำรวจผู้บริโภคที่พบว่า 67% ของ Gen Z ในเอเชียให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากกว่าราคาถูก และ 78% ของผู้บริโภคในยุโรปและอเมริกาเหนือเลือกแบรนด์ที่มีความโปร่งใสเรื่องส่วนผสม รวมถึงแบรนด์ที่เน้นความโปร่งใสมียอดขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-20%
2. เทคโนโลยีและการปรับแต่งเฉพาะบุคคล เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ความงามระดับโลกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าตลาด AI ในเครื่องสำอางจะเติบโตจาก 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 สู่ 13,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 ซึ่งการใช้ AI และ AR ในการวิเคราะห์สภาพผิวและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลกำลังได้รับความนิยม เพื่อมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่แม่นยำและตอบโจทย์ผู้บริโภคเฉพาะราย โดย AI ช่วยให้แบรนด์นำข้อมูลของผู้บริโภคไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์การใช้งานให้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล รวมทั้งแก้ pain point เช่น วิเคราะห์จากภาพถ่าย หรือการสแกนใบหน้า เพื่อประเมินความชุ่มชื่น, จุดด่างดำ หรือริ้วรอย
3. ความเป็นอยู่ที่ดีและการดูแลตนเอง ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้ต้องการเพียง “ผิวที่ดี” แต่ยังต้องการสุขภาพจิตดี การนอนหลับดี ความสมดุลของร่างกายและอารมณ์ เชื่อมโยง “สกิน แคร์ บวก สุขภาพ บวก จิตใจ” เข้าด้วยกัน Wellness & Self-Care จึงกำลังกลายเป็นหัวใจของอุตสาหกรรมความงามปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการสุขภาพและความงาม เช่น สกินแคร์ที่ช่วยในการนอนหลับ ผลิตภัณฑ์ช่วยลดความเครียด ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงพฤติกรรมผู้บริโภค ระบุว่า 72% ของผู้บริโภค Gen Z และ Millennials ใช้สกินแคร์เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพจิต และตลาดสินค้า Beauty + Wellness คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
4. ความงามที่ครอบคลุมและหลากหลาย เทรนด์นี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความงามทั่วโลกในปี 2025 โดยผู้บริโภคคาดหวังให้แบรนด์ “ยอมรับและเคารพตัวตนที่แตกต่าง” ทั้งในเรื่องสีผิว เพศ วัยศาสนา ความพิการ และอัตลักษณ์ทางเพศ (LGBTQ+) ผ่านผลิตภัณฑ์ การสื่อสาร และการตลาดอย่างจริงใจ ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ กำลังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับความหลากหลาย เพื่อให้ทุกคนรู้สึกเป็นที่ยอมรับ