‘เสียงแหบ-เสียงหาย’ แบบไหนต้องพบแพทย์
อาการเสียงแหบ-เสียงหาย เกิดขึ้นได้เสมอกับคนที่ใช้เสียงตลอดเวลา หรือยามเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัด อาการดังกล่าวส่งไม่เพียงกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่อาจทำให้อาการแย่ลงได้ หากรักษาอย่างไม่ถูกวิธี
“คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล” มีเกร็ดความรู้มาฝากเกี่ยวกับสาเหตุและการดูแลรักษา โดยอาการเสียงแหบหรือเสียงหาย เกิดการบาดเจ็บทางสายเสียง มาจากการใช้เสียงที่มากเกินไป เช่น การร้องเพลง การตะโกน หรือเป็นไข้หวัด โดยอาจมีเสียงผิดเพี้ยนไปจากเดิมในแง่ ความคมชัดของเสียง ความดัง หรือต้องใช้ความพยายามมากในการออกเสียง ทั้งนี้ ตามคำแนะนำทั่วไป หากมีอาการเสียงแหบโดยไม่ดีขึ้นเองภายใน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์
สาเหตุของอาการเสียงแหบ-เสียงหาย
1.ใช้เสียงมากเกินไป หรือใช้เสียงผิดวิธี
การใช้เสียงดังมากหรือนานเกินไป ทำให้สายเสียงบวมหรืออักเสบ อาการเสียงแหบหรือเสียงหายมักเกิดหลังการใช้เสียงทันทีหรือในวันรุ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติใช้เวลาในการพักประมาณ 1-2 วัน ก็สามารถกลับมาใช้เสียงได้ปกติ
แต่หากจำเป็นต้องใช้หรือฝืนใช้เสียงอย่างต่อเนื่องในขณะที่ยังมีสายเสียงบวม อาจทำให้อาการแย่ลงได้จากการอักเสบที่มากขึ้น ซึ่งบางครั้งต้องใช้การรักษาด้วยยาร่วมกับการพักการใช้เสียงจึงจะกลับมาหายเป็นปกติได้
2.อาการติดเชื้อหรือเป็นหวัด
อาการเสียงแหบเกิดขึ้นได้เสมอในผู้ป่วยที่เกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน อาทิ ไข้หวัดจากไวรัส ซึ่งทำให้เกิดเยื่อบุเนื้อในลำคอไปจนถึงสายเสียงอักเสบ บวมทำให้เกิดอาการเสียงแหบ เสียงหายในที่สุด ซึ่งโดยปกติ อาการเหล่านี้สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แค่รักษาตามอาการ ดื่มน้ำให้มากและพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หากอาการแย่ลง เช่น มีอาการไออย่างรุนแรง ไข้สูง เจ็บคอมากขึ้น อาจต้องพบแพทย์เพื่อเข้ารับตรวจรักษาให้ถูกต้องต่อไป
3.สาเหตุอื่นๆ
-กรดไหลย้อนขึ้นกล่องเสียง
-โพรงจมูกภูมิแพ้อากาศที่มีการสั่งน้ำมูกหรือไอรุนแรง
-การสูบบุหรี่
-การใช้ยาบางประเภท อาทิ ยาขับปัสสาวะ วิตามิน หรือการใช้ยาสเตียรอยด์พ่นทางปอดหรือจมูก
-ถ้ามีประวัติการผ่าตัดมาก่อน ก็อาจเกิดได้จากกการใส่ท่อช่วยหายใจตอนวางยาสลบ หรือการผ่าตัดที่ไปกระทบเส้นประสาทที่เลี้ยงสายเสียง
-ถ้ามีอาการระยะยาวนาน อาจเป็นจากสาเหตุอื่น เช่น ความผิดปกติของสมอง โรคมะเร็งบริเวณกล่องเสียงและลำคอ
-จากการการเปลี่ยนแปลงของวัย ไม่ว่าการแตกเนื้อหนุ่ม จนถึงการย่างเข้าวัยชรา
เสียงแหบ แบบไหนที่ต้องรีบไปพบแพทย์
ปกติทั่วไปอาการเสียงแหบหรือเสียงหายสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ หากไม่มีอาการบาดเจ็บของเส้นเสียงเพิ่มเติม แต่ในคนไข้บางรายอาจมีอาการยาวนานกว่าปกติ หรือมีอาการบาดเจ็บของเสียงที่รุนแรงขึ้น เช่น เจ็บคอ ไออย่างรุนแรง การใช้เสียงในขณะที่มีอาการ หรือผลข้างเคียงจากสาเหตุการเกิดต่างๆ
ดังนั้นควรสังเกตตัวเองว่ามีอาการแบบไหนบ้างที่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่ให้อาการแย่ลง หากคุณมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
@ เสียงแหบติดต่อกันโดยไม่ดีขึ้นในเวลา 2 สัปดาห์
@ เสียงแหบหรือเสียงหายหนักมากขึ้นจนไม่สามารถพูดคุยหรือสื่อสารได้
@ เสียงแหบโดยไม่ได้เป็นหวัดมาก่อน
@ มีประวัติสูบบุหรี่เป็นประจำและมีเสียงแหบโดยไม่ดีขึ้นใน7-10วัน
@ มีก้อนขึ้นที่คอร่วมด้วย
@ มีอาการกลืนลำบาก สำลักน้ำ อาหาร หรือหายใจลำบากร่วมด้วย
@ มีเสมหะปนเลือด
วิธีรักษาอาการเสียงแหบ-เสียงหาย
1.ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอากาศแห้ง
2.ไม่ควรดื่มน้ำมะนาวหรือน้ำส้มคั้นหรือบีบมะนาวเข้าลำคอโดยตรง และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
3.พักผ่อนให้เพียงพอ
4.พักการใช้เสียง ไม่ไอหรือกระแอมโดยแรง
5.งดการสูบบุหรี่หรือสูดดมควันบุหรี่ของผู้อื่น
6.งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
6.หากมียาที่แพทย์แจ้งว่าควรหลีกเลี่ยงช่วงเสียงแหบ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ
การรักษาอาการไม่สามารถแก้เสียงแหบให้หายโดยเร่งด่วนได้ ควรใช้ระยะเวลาในการรักษาอาการเสียงแหบอย่างเหมาะสมให้ร่างกายได้ฟื้นฟูด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการที่หนักมากขึ้น