รีวิว F1: The Movie (2025) ศึกความเร็วบนสนาม... ความคาดหวังไม่ใช่กลยุทธ์

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภาพไฮไลต์

F1: The Movie ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดที่กำลังถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ เรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศึกประชันความเร็วอันดุเดือดของ FORMULA 1 ที่บรรดานักแข่งและรถแข่งจากบริษัทต่างๆ ต้องงัดทุกกลยุทธ์มาใช้ เพื่อหวังช่วงชิงชัยเจ้าแห่งสนามมาครองให้สำเร็จ

เรื่องย่อ F1: The Movie (2025) ผลงานใหม่จากผู้สร้าง Top Gun: Maverick

F1: The Movie คือ หนังแข่งรถที่นำแสดงโดย "แบรด พิตต์" กำกับภาพยนตร์โดย โจเซฟ โคซินสกี (Joseph Kosinski) ซึ่งเคยฝากความประทับใจให้แฟนๆ หนังทั่วโลกใน Top Gun: Maverick (2022)

สำหรับเรื่องย่อ F1: The Movie เล่าเรื่องราวของ "ซันนี่ เฮย์ส" อดีตนักแข่งรถมืออาชีพผู้เคยเป็นตำนานแห่งยุค '90s แต่ประสบอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน ทำให้ต้องหันหลังให้อาชีพนี้ไปทำงานเป็นคนรับจ้างแข่งรถ จนกระทั่ง "รูเบ็น" เจ้าของทีม FORMULA 1 อดีตเพื่อนร่วมทีมที่กำลังกอบกู้อาชีพของตัวเอง ได้มาชวนซันนี่กลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง ซันนี่ต้องพิสูจน์ตัวเอง และทำงานร่วมกับนักขับหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง ทว่าเส้นทางกอบกู้ชื่อเสียงและเกียรติยศของพวกเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ…

รีวิวหนัง F1: The Movie (2025) ศึกแห่งความเร็ว กลยุทธ์แพรวพราว บรรยากาศสมจริง

ตั้งแต่ทราบว่า Warner Bros จะร่วมทุนกับ Apple ในภาพยนตร์เรื่อง F1: The Movie เชื่อว่าแฟนๆ หลายคนน่าจะรอชมว่าตัวหนังจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะหนังแข่งรถ FORMULA 1 ที่คงมีแฟนมอเตอร์สปอร์ตคาดหวังมากอยู่จำนวนหนึ่ง ความพิเศษอีกอย่างคือการคว้าตัวนักแสดงนำวัย 61 ปี อย่าง "แบรด พิตต์" มาร่วมแสดง ภายใต้การกำกับของ โจเซฟ โคซินสกี จาก Top Gun: Maverick มาทำหน้าที่สร้างสรรค์ผลงานใหม่ในครั้งนี้

F1: The Movie ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย เข้าใจไม่ยาก ผู้ชมไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนมอเตอร์สปอร์ต ก็สามารถรับชมได้โดยไม่เสียอรรถรส แต่สำหรับใครที่เป็นแฟน Formula 1 แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสร้างความประทับใจให้ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนของผู้กำกับ โจเซฟ โคซินสกี ที่ยังคงสร้างความตื่นเต้นให้กับฉากต่างๆ ราวกับหนังแอ็กชันโหดๆ ทั้งที่ในหนังไม่มีฉากการปะทะหรือต่อสู้กันโดยตรงก็ตาม โดยเฉพาะฉากการแข่งรถที่ทำออกมาได้สมจริง เหมือนจับผู้ชมเข้าไปนั่งในรถแข่งร่วมกับนักแข่งรถในสนาม มุมกล้องต่างๆ ที่ถ่ายทอดออกมา จะยิ่งได้อรรถรสมากขึ้นหากได้ชมในระบบ IMAX หรือระบบภาพยนตร์ Screen X

นอกจากนี้ แฟนหนังยังจะได้เห็นความฟิตของนักแสดงอย่างแบรด พิตต์ ในวัย 61 ปีที่ยังวาดลวดลายการแสดงได้ดีไม่มีตก ประชันบทบาทกับ "แดมสัน ไอดริส" นักแสดงชาวอังกฤษ ที่มารับบทเป็น "โจชัว เพียซ" หนุ่มนักแข่งรถไฟแรง ผู้มีความทะเยอทะยานที่จะประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงในวงการ Formula 1

ทว่าเส้นทางแห่งเกียรติยศและชื่อเสียงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แค่แพสชั่นที่แรงกล้า ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และหวังโชคช่วยอย่างเดียว อาจไม่สามารถพาไปยังฝันได้ เพราะเบื้องหลังการแข่งขันของ Formula 1 คือการทำงานเป็นทีม และ "กลยุทธ์" เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง F1: The Movie จะเผยให้เห็นเบื้องหลังก่อนลงแข่งว่า จะต้องมีการวางกลยุทธ์ในหลายๆ ด้าน หาจุดแข็งมาปิดจุดอ่อนของทีมตัวเอง และยังคงมีทีมงานจำนวนมากที่คอยทำงานสนับสนุนให้นักแข่งบนสนามประสบความสำเร็จ เพราะศึกแห่งการประชันความเร็วสนามนี้ ชัยชนะและความพ่ายแพ้อยู่ที่ "ระดับเสี้ยววินาที"

โดยสรุปแล้ว F1: The Movie เป็นภาพยนตร์ที่ชมได้ทั้งกลุ่มที่เป็นแฟน และไม่ใช่แฟนมอเตอร์สปอร์ต โครงเรื่องไม่ซับซ้อนมาก จำลองบรรยากาศในสนามแข่งได้สมจริง แม้ว่าพล็อตเรื่องไม่ได้แปลกใหม่ มีสูตรสำเร็จที่เน้นชมเพื่อความบันเทิง ไม่ได้ดราม่าจนสุดทาง ตัวละครไม่ได้มีมิติมาก แต่โดยรวมถือว่าเป็นประสบการณ์ในการดูหนังที่แฟนหนังไม่ควรพลาดชมเลยทีเดียว

เปิดลิสต์ F1: The Movie Soundtrack รายชื่อเพลงประกอบภาพยนตร์

เพลงที่นำมาใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องF1: The Movie มีทั้งหมด 17 เพลงด้วยกัน โดยคัดเลือกจากบทเพลงดังของบรรดาศิลปินชื่อดัง ซึ่งในจำนวนนี้มีเพลง "Messy" ของศิลปินหญิง ROSÉ แห่งวง Blackpink และ "Drive" ของ Ed Sheeran รวมอยู่ด้วย

1. Lose My Mind
ศิลปิน : Don Toliver (Ft. Doja Cat)

2. No Room For A Saint
ศิลปิน : Dom Dolla (Ft. Nathan Nicholson)

3. Drive
ศิลปิน : Ed Sheeran

4. Just Keep Watching
ศิลปิน : Tate McRae

5. Messy
ศิลปิน : ROSÉ

6. Don't Let Me Drown
ศิลปิน : Burna Boy

7. Underdog
ศิลปิน : Roddy Ricch

8. Grandma Calls The Boy Bad News
ศิลปิน : RAYE

9. Bad As I Used To Be
ศิลปิน : Chris Stapleton

10. Baja California
ศิลปิน : Myke Towers

11. OMG!
ศิลปิน : Tiësto & Sexyy Red

12. All At Once
ศิลปิน : Madison Beer

13. D.A.N.C.E
ศิลปิน : Peggy Gou

14. Double C
ศิลปิน : PAWSA

15. Attention
ศิลปิน : Mr Eazi

16. Give Me Love
ศิลปิน : Darkoo

17. Gasoline
ศิลปิน :Obongjayar

นอกจากนี้ ก็ยังมีดนตรีประกอบที่เป็นผลงานของ Hans Zimmer นักแต่งเพลงและแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายเรื่องของวงการฮอลลีวูด สำหรับภาพยนตร์เรื่อง F1: The Movie เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว สามารถรับชมได้ทั้งระบบธรรมดา และระบบ IMAX

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รีวิว F1: The Movie (2025) ศึกความเร็วบนสนาม… ความคาดหวังไม่ใช่กลยุทธ์