ดับฝัน “บิ๊กป้อม” ชิงเก้าอี้นายกฯ ต้องมีเสียงครบในวันเสนอชื่อเท่านั้น
(7 ก.ค. 68) จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สส.ขอ.พรรคยังคงเสนอชื่อตนในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ แม้ว่าตอนนี้พรรคพลังประชารัฐจะมีเสียง สส.ลดลงเหลือ 19 คน ไม่ถึงร้อยละ 5 ของเสีย สส.ทั้งสภาฯ จากการแยกตัวของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปสังกัดพรรคกล้าธรรม โดยทาง พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าเสนอได้เพราะนับจำนวน สส.ที่มีในวันเลือกตั้ง
ล่าสุด ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าไม่สามารถทำได้ เพราะการเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น พรรคการเมืองที่เสนอชื่อจะต้องมีเสียง สส.ในสภาไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ในวันที่เสนอชื่อเท่านั้น
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 หมวด 8 คณะรัฐมนตรี มาตรา 159 ระบุว่า
“มาตรา 159 ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร”