‘ดอกไม้กินได้’ ตรวจพบสารเคมีตกค้างเกือบ 60 % โดยเฉพาะในดอกยอดฮิต
ดอกไม้ ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความสวยงาม กลิ่นหอม หรือสื่อแทนความรู้สึกอีกต่อไป แต่ในปัจจุบัน ดอกไม้หลายชนิดได้ก้าวข้ามบทบาทเดิมๆ เข้าสู่โลกของอาหาร กลายเป็น "ดอกไม้กินได้" (Edible Flowers) ที่เติมเต็มทั้งรสชาติ สีสัน และคุณประโยชน์ทางโภชนาการให้กับจานอาหารหลากหลายรูปแบบ จากเมนูคาวไปจนถึงของหวาน เครื่องดื่ม และแม้กระทั่งศิลปะบนจาน
แนวโน้มการเติบโตตลาดดอกไม้กินได้
รายงานวิจัยตลาดทั่วโลกชี้ให้เห็นว่าตลาดดอกไม้กินได้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตรา (CAGR) ที่สูงกว่า 10% สะท้อนแนวโน้มที่คล้ายกันในประเทศไทยที่กระแสอาหารเพื่อสุขภาพและความสวยงามบนจานได้รับความนิยม
และผู้ประกอบการบางรายที่สามารถนำดอกไม้กินได้เข้าสู่ตลาด Modern Trade และมีแผนที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศ สะท้อนถึงการเติบโตเชิงพาณิชย์และมูลค่าที่เพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีตัวเลขมูลค่าตลาดดอกไม้กินได้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
แต่จากข้อมูลและแนวโน้มต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า ตลาดนี้เป็นตลาดเฉพาะ (niche market) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีศักยภาพสูงในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ และได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาต่อยอด
ดอกไม้กินได้พบสารเคมีตกค้าง
เมื่อได้รับความนิยมบริโภคมากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีการตรวจสอบการตกค้างของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บหรืออันตรายกับผู้บริโภค เช่นเดียวกับที่มีการเฝ้าระวังในผักและผลไม้
ในการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 33 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด Transforming Healthcare through Modern Medical Sciences ปฏิรูปการดูแลสุขภาพผ่านวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานีเมื่อเร็วๆนี้
มีการนำเสนอเรื่อง “สำรวจติดตามสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างในพืชดอกและดอกไม้ที่บริโภคได้ในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2567” ของรัติยากร ศรีโคตร สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ , พรรคพล ชะพลพรรค ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย, ศศิธร ศุกรีฑา ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา, อาสีนะ ยามาเจริญ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา, อัญชุลี เพ็งสุข ศูนย์วิทยาศาสตรัการแพทย์ที่ 6 ชลบุรี และคณะ
ระบุว่า การเฝ้าระวังการตกค้างของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในผักและผลไม้ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่มีข้อมูลการตกค้างในพืชดอกและดอกไม้สำหรับบริโภค (edible Flowers) ซึ่งอาจมีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
เพื่อให้ทราบสถานการณ์การตกค้างและสื่อสารความเสี่ยงให้กับผู้บริโภค จึงได้จัดทำโครงการบูรณาการระหว่างสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร และ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่ง โดยมีขอบข่ายการตรวจวิเคราะห์สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช 132 ชนิด พาราควอต และไกลโฟเซต
พบในดอกมะลิมากที่สุด
เก็บตัวอย่างจากแหล่งกระจายสินค้า/แหล่งปลูก จาก 13 เขตสุขภาพทั่วทุกภาคในประเทศรวมทั้งสิ้น 192 ตัวอย่าง ผลการตรวจวิเคราะห์ไม่พบการตกค้างจำนวน 77 ตัวอย่าง คิดเป็น 40.1 % และพบสารตกค้าง จำนวน 115 ตัวอย่าง คิดเป็น 59.9 % ได้แก่
- ดอกมะลิ 46 ตัวอย่าง คิดเป็น 24 %
- ดอกกุหลาบ 43 ตัวอย่าง คิดเป็น 22.4 %
- ดอกแค 16 ตัวอย่าง คิดเป็น 8.3 %
- ดอกโสน 8 ตัวอย่าง คิดเป็น 4.2 %
- และดอกขจร 2 ตัวอย่าง คิดเป็น 1 %
พบสาร 33 ชนิดจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์
ตรวจพบสารทั้งสิ้น 33 ชนิด ปริมาณในช่วง 0.01-6.20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตัวอย่างที่ตรวจพบจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522
ดังนั้น ภาครัฐควรมีแผนในการกำกับดูแล เฝ้าระวัง และตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยการกำหนดมาตรฐานปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit) เพิ่มเติม และมีการเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องจะทำให้เห็นแนวโน้มสถานการณ์ของประเทศไทย
เขต 9 พบในกุหลาบมากที่สุด
เฉพาะในส่วน “การเฝ้าระวังสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืซตกค้างในพืชดอกและดอกไม้ที่บริโภคได้ ในเขตสุขภาพที่ 9” ดำเนินการโดย ผุสรัตน์ เสตพันธ์ และศศิธร สุกรีฑา ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา นำเสนอว่า ในปีงบประมาณ 2567 ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมา ได้เก็บตัวอย่างพืชดอกและดอกไม้ที่บริโภคได้ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด จำนวน 18 ตัวอย่าง ได้แก่ ดอกกุหลาบ ดอกแค ดอกโสน และดอกขจร จำนวน 12, 3, 2 และ 1 ตัวอย่าง ตามลำดับ เพื่อตรวจหาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช 132 ชนิด
ผลการตรวจวิเคราะห์เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 387 พ.ศ. 2560 จำแนกตามชนิดของตัวอย่างทั้ง 4 ชนิด คือ
- ดอกกุหลาบ 12 ตัวอย่าง ตรวจพบ 9 ตัวอย่าง คิดเป็น 75 %
- ดอกแค 3 ตัวอย่าง ตรวจพบ 1 ตัวอย่าง คิดเป็น 33.3 %
- และตรวจไม่พบในดอกขจรและดอกโสน
สำหรับชนิดของสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่ตรวจพบในกุหลาบมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือคลอร์ฟีนาเพอร์ (chlorfenapyr) คาร์เบนดาซิม (carbendazim) คาร์บาริล (carbaryl) และตรวจพบการแพร่กระจายของสาร อีไทออน( ethion) ,ฟิโพรนิล (fipronil) และไตรอะโซฟอส (triazophos) ชนิดละ 1 ตัวอย่าง ส่วนดอกแคตรวจพบสาร คาร์โบฟูแรน (carbofuran) เพียงชนิดเดียว