มท. 2 ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กำชับทุกหน่วยงานต้องช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
มท. 2 ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กำชับหน่วยงานใน มท. ต้องช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว - ปภ. ขานรับ เร่งประสานจังหวัดแจงแนวทางหลักเกณฑ์การใช้เงินทดรองราชการฯ เพื่อช่วยประชาชนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
วันนี้ (29 ก.ค. 68) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ในพื้นที่ 7 จังหวัด ตามแนวชายแดนระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งมีนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ณ ห้อง War room ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรมบัญชีกลาง และผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด พร้อมด้วยส่วนราชการในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ติดตามสถานการณ์ของพื้นที่ และให้แนวทางการบริหารจัดการศูนย์อพยพ และแนวทางการใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 68 เกิดสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ทาง ปภ. ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ) รวมจำนวน 6 จังหวัด 23 อำเภอ 153 ตำบล 1,818 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว และจังหวัดตราด (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ค. 68) ประชาชนได้รับผลกระทบ 257,410 ครัวเรือน 769,192 คน มีพลเรือนเสียชีวิต 14 ราย (จ.ศรีสะเกษ 9 ราย สุรินทร์ 4 ราย และ จ.อุบลราชธานี 1 ราย) ได้รับบาดเจ็บ 38 ราย มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวใน 7 จังหวัด รวม 770 แห่ง ผู้อพยพ 188,734 คน
“ปภ. ได้บูรณาการการทำงานภายใต้กระทรวงมหาดไทยในการอพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว การส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast รวมถึงการสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย กว่า 120 คัน และการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ เช่น การสนับสนุนน้ำดื่ม อาหารกล่อง และถุงยังชีพ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และได้รับนโยบายของกระทรวงมหาดไทยมาดำเนินการ โดยเฉพาะการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 กรณีภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ที่ได้ชี้แจง ทำความเข้าใจ กับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้ใช้จ่ายเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมต่อสถานการณ์” นายภาสกร อธิบดี ปภ. กล่าว
ด้าน นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ทั้งความปลอดภัยและการดำรงชีพ ตนในนามของกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ที่เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้เงินทดรองราชการฯ ช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพ
“ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือประชาชนภายใต้อำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดใช้จ่ายเงินทดรองฯ เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีที่สุด กรณีการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ให้จัดหาอุปกรณ์เครื่องนอน เครื่องนุ่งห่ม ให้เพียงพอ ส่วนกรณีผู้เสียชีวิต จะต้องมอบเงินค่าจัดการศพให้กับครอบครัวโดยทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของประชาชนในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์” นางสาวธีรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
นางสาวธีรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากจังหวัดใดที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินทดรองราชการฯ ในกรณีอื่น ๆ เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ให้แจ้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อจะได้รวบรวมและขออนุมัติปฏิบัตินอกเหนือหลักเกณฑ์ไปที่กรมบัญชีกลางต่อไป ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในกระทรวงมหาดไทยทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้เหมาะสม เพื่อให้ทุกชีวิตสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วที่สุด นางสาวธีรรัตน์ กล่าวปิดท้าย///
#ปภ #ข่าวปภ #ชายแดนไทยกัมพูชา