ใครได้ใครเสีย? ข้อตกลงหยุดยิง “ไทย–กัมพูชา” ปูทางสันติภาพหรือแค่พักรบ!?!
ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ลงนาม ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ถูกมองว่าเป็น “ความสำเร็จเชิงสัญลักษณ์” ในการลดความตึงเครียดที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุดภายในไม่กี่วัน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง คำถามสำคัญกลับเริ่มชัดขึ้นว่า
“ข้อตกลงนี้ใครได้ใครเสีย? และจะนำไปสู่สันติภาพจริง หรือเป็นเพียงการหยุดยิงเพื่อรอวันรบใหม่?”
ใครได้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้?
ฝ่ายกัมพูชา “รอดพ้นแรงกดดันระหว่างประเทศ” ก่อนการเจรจา กัมพูชาเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรงจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะกรณีการวางระเบิด PMN-2 และการโจมตีพลเรือนไทย ซึ่งมีหลักฐานจากดาวเทียมและรายงานข่าวยืนยันอย่างชัดเจนว่ากัมพูชาเริ่มความรุนแรงก่อน
ข้อตกลงหยุดยิงจึงเปรียบเสมือน “ใบเบิกทาง” ให้รัฐบาลฮุน มาเนต ถอยออกจากสถานการณ์ที่เป็นรองโดยไม่เสียหน้า หลังประสบความสูญเสียจากการปะทะกับกองทัพไทยพร้อมผลักดันให้ประเด็นเขตแดนกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา ซึ่งเป็นจุดที่พวกเขาเตรียมการไว้ดีกว่าการสู้รบแบบเปิด
ฝ่ายไทย “ลดแรงเสียดทาน–รักษาภาพลักษณ์บนเวทีโลก”แม้ไทยจะมีความได้เปรียบทั้งเชิงยุทธศาสตร์และกฎหมายระหว่างประเทศ แต่การตอบโต้ด้วยกำลังต่อเนื่องอาจถูกตีความว่าใช้กำลังเกินจำเป็น ข้อตกลงหยุดยิงทำให้ไทย “ยืนอยู่บนความชอบธรรม” และรักษาภาพผู้นำที่ใช้สันติวิธีได้อย่างสมบูรณ์
การไม่ถอย แต่ก็ไม่รุก คือท่าทีที่นานาชาติยอมรับ และเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการรักษาเสถียรภาพทั้งภายในและภายนอก
แล้วใครเสีย? ความท้าทายที่ซ่อนอยู่
ไทย “หยุดยิงในจุดที่ได้เปรียบ” แม้ข้อตกลงจะบรรเทาแรงกดดันในทันที แต่ไทยก็ต้องยอม “ตรึงกำลัง” ไว้ในจุดที่ควบคุมเชิงยุทธศาสตร์ได้แล้ว เช่น ภูมะเขือ ซึ่งเป็นพื้นที่สูงและมองเห็นการเคลื่อนไหวศัตรูได้ในรัศมีกว้าง
การหยุดนิ่งในจุดที่ได้เปรียบอาจกลายเป็น “กับดักทางยุทธศาสตร์” หากไม่สามารถยกระดับเป็นการปักปันเขตแดนถาวรได้ในอนาคต
กัมพูชา “เสียความน่าเชื่อถือในสายตานานาชาติ” ถึงจะได้พักหายใจ แต่กัมพูชาต้องเผชิญกับสายตาระแวดระวังจากอาเซียนและประเทศผู้ไกล่เกลี่ย โดยเฉพาะข้อครหาเรื่องการวางกับระเบิดใหม่ในเขตพิพาท การเข้าร่วมข้อตกลงอาจหมายถึงการถูกจับตาอย่างใกล้ชิดในระยะยาว ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์เชิงการทูตของรัฐบาลฮุน มาเนต
วิเคราะห์เนื้อใน: ข้อตกลงหยุดยิงบอกอะไร?
1. หยุดยิงทันที–ถาวร (บนกระดาษ):แม้จะใช้คำว่า “ถาวร” แต่รายละเอียดที่เปิดเผยคือการ “ตรึงกำลัง” และ “ห้ามเคลื่อนกำลังรุก” เท่านั้น ซึ่งในทางทหารอาจไม่ใช่การถอยแต่เป็นการ “แช่แข็ง” สถานการณ์เท่านั้น
2. จัดตั้งคณะทำงานร่วม:กลไกนี้มีแนวโน้มจะเป็น “เครื่องมือลดอุณหภูมิ” ได้จริง หากทำงานต่อเนื่อง และมีการตรวจสอบร่วมแบบโปร่งใส แต่หากกลายเป็นเพียงพิธีกรรม ก็ไม่ต่างจากข้อตกลงหลายฉบับในอดีตที่ “ลงนามแล้วเลือนหาย”
3.Hotline ระหว่างผู้บัญชาการทหาร: ถือเป็นมิติใหม่ของความพยายามป้องกัน “การลั่นไกโดยไม่ตั้งใจ” แต่คำถามคือจะใช้จริงเมื่อเกิดสถานการณ์หรือไม่? เพราะหลายครั้งการสื่อสารกลับล่าช้าเกินกว่าจะควบคุมได้
4. เตรียมเปิดเจรจาระยะยาว:นี่คือ “ของแข็งจริง” ที่กำลังจะตามมา หากกำหนดกรอบเวลา ชุดเจรจา และประเด็นที่ตกลงกันชัด ไทยจะมีโอกาส “ปักหมุดชัยชนะทางการทูต” แต่หากเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ จะกลายเป็นชัยชนะบนกระดาษที่ไม่มีน้ำหนัก
แนวโน้มสถานการณ์: สงบจริงหรือแค่พักรบ?
การตั้งโต๊ะเจรจาไม่ได้แปลว่าความขัดแย้งสิ้นสุด ภายใต้ข้อตกลงนี้ ไทยต้องจับตา 3 ด้านสำคัญ:
1. การเคารพข้อตกลงจากฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่รอบเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นจุดที่มีความอ่อนไหวสูง หากมีกองกำลังรุกคืบแม้เล็กน้อย จะเท่ากับละเมิดข้อตกลงโดยตรง
2. บทบาทของคณะทำงานร่วม หากทำหน้าที่ได้จริงจะช่วยลดการปะทะซ้ำซ้อน แต่ถ้าล้มเหลว อุณหภูมิความขัดแย้งจะกลับมาร้อนอีกครั้งในเวลาไม่กี่สัปดาห์
3. เจรจาระยะยาวต้องเริ่มจริง การกำหนดเขตกันชน, การปักหมุดพรมแดน, การบริหารพื้นที่ทับซ้อน ล้วนเป็น “กับระเบิดทางการเมือง” หากไทยไม่เตรียมข้อมูล–ท่าที–เอกสารให้พร้อม จะเสียเปรียบในระยะยาว
สุดท้ายแล้วข้อตกลงหยุดยิงไทย–กัมพูชา คือ “ชัยชนะทางการทูต” ในระยะสั้น แต่จะกลายเป็น “ชัยชนะระยะยาว” ได้หรือไม่ อยู่ที่เกมหลังจากนี้
ไทยอาจถือไพ่เหนือกว่า แต่หากเล่นพลาดในโต๊ะเจรจาระยะยาว ความได้เปรียบอาจพลิกกลายเป็นภาระ
ขณะที่กัมพูชาแม้ดูเสียหายจากข้อกล่าวหา แต่หากลากไทยเข้าสู่การต่อรองพรมแดนแบบที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ก็อาจกลับมาเป็นผู้กำหนดเกม
ฉะนั้น ข้อตกลงนี้…อาจเป็น “ทางสันติภาพ” หรืออาจเป็นแค่การหยุดหายใจชั่วคราว ก่อนสงครามรอบใหม่จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
#หยุดยิงไทยกัมพูชา #ใครได้ใครเสีย #พักรบหรือสันติภาพ #ข่าวการเมือง #ศึกชายแดน #โต๊ะเจรจา #ภูมิธรรมเวชยชัย #ฮุนมาเนต #เขาพระวิหาร #ภูมะเขือ #ข้อตกลงหยุดยิง #ASEANDiplomacy #MalaysiaPeaceTalks #กัมพูชายิงก่อน #กองทัพอากาศ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยกับกัมพูชา #TruthFromThailand #หยุดยิง #Chong Bok