ภท.เบรก "เดชอิศม์"ตั้ง กก.สอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินปมเขากระโดง ระวังรับโทษแทน มท.1
นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย เผย เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคําสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณี ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยอ้างเหตุผลว่าเพราะปรากฎข่าวสารเป็นที่แพร่หลายเกี่ยวกับความเคลือบแคลงสงสัยในคําสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และอธิบดีเห็นชอบตามมติคณะกรรมการที่ไม่เพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารสิทธิ์นั้น ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย
“องค์ประกอบคณะกรรมการ มีรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานและมีกรรมการ ประกอบด้วยอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน, อัยการพิเศษฝ่ายอยู่ 2 ท่าน, ผู้อํานวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ, อาณาบาลบังคับคดี 5 สํานักงานอาณาบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย และบุคคลอีกหนึ่งคน เป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างแปลก เพราะไม่คิดว่าอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะมีความรอบรู้เรื่องคําสั่งการบริหารราชการแผ่นดินในเรื่องที่ดินหรือไม่อย่างไร ผมไม่ได้ว่าท่าน แต่ผมคิดว่าผิดฝาปิดตัว นอกจากนี้ การมีอาณาบาล (ทนายความ) ของการรถไฟฯ ซึ่งเป็นคู่กรณีกับกรมที่ดินที่มีคดีในศาล มาร่วมเป็นกรรมการ คิดว่าเป็นคําสั่งที่ประหลาดมาก ท่านตั้งขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไร มีการตั้งธงไว้หรือไม่” นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวว่า การออกคำสั่งตรวจสอบลักษณะนี้ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย และละเมิดหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง เพราะอธิบดีกรมที่ดินได้ใช้อำนาจตามมาตรา 61 โดยพิจารณาจากพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง และความเห็นของคณะกรรมการที่กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งอย่างรอบคอบแล้ว การตรวจสอบซ้ำโดยอ้างกระแสข่าว คิดว่าเป็นการออกคําสั่งที่ไม่ชอบ ซึ่งความจริงแล้วเป็นความสงสัยในเชิงทางสังคมทั่วไป หรือเป็นเหตุผลทางการเมือง
“ผมว่าคําสั่งลักษณะนี้ เป็นการพยายามแทรกแซงดุลยพินิจของเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่ใช้อำนาจโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นการกดดันให้เปลี่ยนแปลงมติที่เคยเพิกถอน อาจเข้าข่ายการใช้อํานาจการปกครองที่ไม่ชอบ และขัดต่อหลักการบริหารราชการแผ่นดินปี 2534 รวมถึงหลักความมั่นคงแห่งคำสั่งทางปกครองตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองปี 2539 ซึ่งเป็นเรื่องสําคัญ วันนี้ในกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่ท่านรัฐมนตรีว่าการเข้าไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือข้าราชการ อยู่ในบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว” นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า รมช.มหาดไทย ไม่ได้ศึกษาที่มาที่ไปของคดีในศาลปกครอง ซึ่งการรถไฟฯ ได้ยื่นคำร้องต่างๆ อ้างว่าอธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องหรือล่าช้า วันนี้คดีนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลปกครอง รัฐมนตรีไม่ควรจะไปก้าวก่าย แทรกแซงในเรื่องนี้ และศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีคำสั่งที่ 1473/2567 และ 241/2568 วินิจฉัยแล้วว่า การดำเนินการของอธิบดีกรมที่ดินไม่บกพร่องและถูกต้องแล้ว ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินอีกครั้ง จึงเป็นการก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาล มีเจตนาที่มีวาระซ่อนเร้น ต้องการแทรกแซงเพื่อให้อธิบดีกรมที่ดินเปลี่ยนคำสั่งใหม่ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
“อยากจะฝากไปถึง รมช.มหาดไทยว่า วันนี้ท่านเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่จากพรรคการเมืองเก่าแก่ ไม่คิดว่าจะยอมตกไปใต้อาณัติของรมว.มหาดไทย ซึ่งโยนภาระให้ท่านมารับ วันนี้กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่บําบัดทุกข์ บํารุงสุข ให้กับประชาชน แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพรรคเพื่อไทย หรือตระกูลชินวัตร ถ้าถึงจุดๆ หนึ่ง หากข้าราชการลุกฮือ แสดงจุดยืนจะอารยะขัดขืน ท่านจะประสบปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน ขอให้ท่านใช้หลักนิติธรรมในการบริหารจะดีกว่า วันนี้สิ่งที่ท่านทํา
อาจมีผลกระทบไปเพิกถอน หรือกดดันอธิบดี เพื่อโยกย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว และตั้งรักษาการมาเปลี่ยนแปลงคำสั่ง อาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นภาระที่ มท.3 ไม่ควรรับไว้ แต่ควรเป็นหน้าที่ของ มท.1 ที่ต้องดำเนินการด้วยตัวเอง เพื่อให้อธิบดีซึ่งเป็นผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องและดำเนินคดีได้ถูกตัว” นายศุภชัย กล่าว