“ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” รวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ
คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ภายในระยะเวลาแค่เพียงห้าเดือนภายหลังจากที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวในสมัยที่สอง เขาสามารถรวบอำนาจทั้งฝ่ายบริหาร ทั้งสภาคอง
เกรส และ ทั้งศาลสูงสุดของสหรัฐฯเอาไว้ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ แถมยังควบรวมตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของทหารแถมไปอีกด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านๆมาไม่ค่อยบ่อยนักที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯจะสามารถรวบอำนาจเอาไว้ในมือแค่เพียงคนเดียว!!!
เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2025 ศาลสูงสุด ซึ่งมีผู้พิพากษาที่สังกัดอยู่ในค่ายพรรครีพับลิกัน 6 คน ผนึกพลังเทคะแนนทั้งหมด 6 ต่อ 3 ให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ในแทบทุกประเด็น ที่ถือว่าเป็นชัยชนะอย่างล้มหลาม
ทั้งนี้คำวินิจฉัยของฝ่ายเสียงข้างมาก ที่เขียนโดย “ผู้พิพากษาเอมี โคนีย์ บาร์เร็ตต์” ซึ่งผู้พิพากษาท่านนี้ได้รับการแต่งตั้งขึ้นในสมัยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งดำรงตำแหน่งในสมัยแรก
ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นฝ่ายเสรีนิยมที่มีผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยอยู่ 3 ท่าน ล้วนที่แต่งตั้งขึ้นโดย “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา”สองท่านและอีกหนึ่งท่านแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน
อย่างไรก็ตามผู้พิพากษาทั้ง 9 ต่างก็ออกมาแสดงความเห็นร่วมกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์มิได้ดำเนินตามกระบวนการยุติธรรมต่อผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย”
แถมยังมีข่าวไม่ค่อยสู้ดีในเรื่องที่ศาลสูงสุดยังได้ส่งสัญญาณว่าจะดำเนินการตามความประสงค์ของประธานาธิบดีทรัมป์ในเรื่องของเด็กที่ถือกำเนิดในสหรัฐฯโดยมีพ่อแม่อยู่อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือที่เรียกกันว่า “โรบินฮูด” จะไม่สามรถได้รับสัญชาติอเมริกันเหมือนเดิมแล้ว!!!
อนึ่งเมื่อ 160 ปีก่อน รัฐธรรมนูญได้มีการแก้ไขที่เรียกกันว่า “Fourteen Amendment” โดยให้ถือว่า เด็กทุกๆคนที่เกิดในแผ่นดินสหรัฐฯ ถือว่าเป็นสัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติ
ทว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวย้ำๆตลอดเวลาว่า หากเขาเข้ารับตำแหน่ง เขาจะยกเลิกมิให้เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นโรบินฮูดถือสัญชาติอเมริกัน
โดยผู้พิพากษาหญิงโซเนีย โซโตมายอร์ที่เป็นผู้พิพากษาเป็นขวัญใจคนจนโดยที่บิดาและมารดาเป็นชาวเปอร์โตริโกที่ต่างเป็นคนยากจนมากแต่สามารถปลูกฝันให้ลูกมุ่งเรียนหนังสือให้เก่ง โดยที่ลูกสาวจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพรินต์สันและจบกฎหมายจากเยล
ส่วนผู้พิพากษาหญิงแคตันจิ บราวน์ แจ๊กสัน บิดามีอาชีพเป็นอัยการสูงสุดของมณฑลไมอามี-เดดเคาน์ตีที่รัฐฟลอริดา ส่วนมารดาเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนศิลปะโลกใหม่ที่รัฐฟลอริดา โดยที่แคตันจิ บราวน์ แจ๊กสันจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากฮาร์วาร์ดและจบกฎหมายจากฮาร์วาร์ด อีกทั้งเป็นผู้พิพากษาชาวผิวสีคนแรกของศาลสูงสุดสหรัฐฯ
ทั้งนี้ผู้พิพากษาหญิงโซโตมายอร์และผู้พิพากษาหญิงแจ๊กสันต่างโต้แย้งอย่างแข็งขันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ดำเนินการผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ตามสถิติของ “American Immigration Council” ล่าสุดนี้ ได้ออกมาเปิดเผยว่า เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ชาวต่างชาติที่มีสถานะโรบินฮูดมีประมาณ 6.1 ล้านคน
สำหรับเด็กไทยที่มีคุณพ่อ คุณแม่อยู่แบบผิดกฎหมายเป็นโรฮู้ดในขณะนี้ แม้ว่าจะไม่มีสถิติที่น่าเชื่อถือก็ตาม แต่จากข้อมูลหลายๆแหล่งออกมาระบุว่า มีเด็กไทยที่พ่อแม่เป็นโรบินฮูดอยู่ระหว่าง 140,000 คน ถึงหนึ่งล้านคนเลยทีเดียว
เป็นที่น่าเวทนาสงสารและแสนสะเทือนใจที่ขณะนี้เด็กๆที่อยู่ในสหรัฐฯแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมายกำลังอยู่ในภาวะหวาดผวา จนบางครอบครัวไม่กล้าให้ลูกๆของตนไปโรงเรียน เพราะเกรงว่าเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชัน หรือที่เรียกสั้นๆว่า “ICE” ที่ย่อมาจาก “Immigration and Customs Enforcement” อาจจะเข้าไปจับกุมลุกลามไปทั้งครอบครัว
และยังมีข่าวทั่วๆไปได้ออกมารายงานทำนองที่ว่า มีคำสั่งที่ออกมาจากทำเนียบขาวที่ในแต่ละวันเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชันจะต้องจับกุมบรรดาโรบินฮูดให้ได้อย่างน้อยวันละ 3,000 คน (ข้อมูลจาก Fox News May 29, 2025: Trump administration sets new goal of 3,000 illegal immigrant arrests daily; NBC News June 4, 2025: A sweeping new ICE operation shows how Trump’s focus on immigrant)
และจากมาตรการที่เข้มข้นของทำเนียบขาวนี่แหละ จึงได้กลายเป็นตัวจุดประกายที่ทำให้เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชันออกไปจับกุมบรรดาลูกจ้างที่ทำงานตามร้านค้าในห้างสรรพสินค้าที่แอลเอจึงเป็นที่มาที่ทำให้ชาวแอลเอไม่พอใจและเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2025 ที่เพิ่งผ่านมานี้ พวกเขาได้ออกมารวมตัวกันเริ่มทำการประท้วงอย่างหนัก และขยายวงกว้างเพิ่มการประท้วงไปตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 14 มิถุนายน 2025 ที่มีผู้เข้าร่วมการประท้วงมากถึงห้าล้านคนใน 2,000 จุด
และด้วยมาตรการที่ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งการให้มีการปราบปรามอย่างเข้มข้นเยี่ยงนี้ จึงมีผลปรากฏให้เห็นว่า ขณะนี้มีผู้ที่อยู่อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายถูกจับกุมไปแล้วถึง 200,000 คน โดยทำเนียบขาวได้กำหนดเป้าหมายว่าจะต้องได้ตามยอดที่ตั้งเอาไว้หนึ่งล้านคนภายในสิ้นปีนี้ (Under Pressure From the White House, ICE Seeks New Ways to ramp Up Arrests จากหนังสือพิมพ์ New York Times June 11, 2025)
จากการหยั่งเสียงของ “สำนักโพล YouGov” ร่วมกับ .สถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอส” ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน 2025 ปรากฏออกมาว่า สมาชิกในค่ายพรรครีพับลิกันเห็นชอบด้วย 93% แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตเห็นพ้องด้วย 18% ส่วนผู้ที่ไม่สังกัดพรรคใดเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเท่ากัน 49%
สำหรับผลของการหยั่งเสียงของ “มหาวิทยาลัย Quinnipiac” ซึ่งเป็นโพลที่ได้รับความเชื่อถืออย่างสูง ที่ได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน 2025 เปิดเผยออกมาว่า มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับมาตการของหน่วยงานของอิมมิเกรชั่นอยู่ที่ 56% สมาชิกค่ายพรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วย 89% ส่วนผู้ที่ไม่สังกัดพรรคใดเลยไม่เห็นด้วย 64% ส่วนสมาชิกในค่ายพรรครีพับลิกันเห็นชอบกับมาตรการการจับกุมของ ICE มากถึง 77%
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นในอดีตที่ผ่านๆมาสโลแกนที่สหรัฐอเมริกาเคยได้รับสมญานามก็คือ “ประเทศมหาอำนาจที่เป็นแม่แบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ” และยังเป็นประเทศที่มอบโอกาสอันดีให้แก่ผู้ที่เดินทางเข้าไปพำนักอาศัย เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยจิตอันเป็นกุศลให้ความเมตตาแก่เยาวชน แต่ดูเหมือนว่าขณะนี้กำลังเปลี่ยนไป ที่ขณะนี้มีความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากขึ้น ประชาชนที่เคยอยู่แบบร่มเย็นเป็นสุขก็ต้องหวาดผวา ซึ่งผมก็เข้าใจที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่แบบไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่ก็อดที่จะใจหายและอดที่จะเวทนาต่อเด็กๆเยาวชนที่พ่อแม่ของพวกเขาต้องถูกจับที่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะต้องอยู่อย่างไร? และจะต้องทำอย่างไร? โดยบางครอบครัวเด็กๆก็ต้องคอยหลบๆซ่อนอยู่ภายในบ้านไม่กล้าที่ออกไปไหนมาไหนแม้แต่จะไปโรงเรียนเพื่อใฝ่หาความรู้กันละครับ