‘สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์’ ไว้วางใจมอบ ‘พระเมธีวชิรกวี’ เป็น ‘ที่ปรึกษาสังฆะวัดญาณเวศกวัน’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) หรือที่รู้จักกันในนาม “ป.อ.ปยุตฺโต” เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม ได้ลงนามแจ้งภาวการณ์ของวัดญาณเวศกวัน ระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่องยกวัดราษฎร์เป็นพระอารามหลวง ลงวันที่ 24 มี.ค. 2568 ให้ยกวัดญาณเวศกวันเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.2568 นั้น เป็นเหตุให้พิธีการทอดกฐินที่วัดญาณเวศกวัน จะต้องเป็นกฐินพระราชทาน และในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานนั้น มีกำหนดว่า ในการลงอนุโมทนาผ้าพระกฐินพระราชทาน จะต้องมีพระราชาคณะหรือพระสงฆ์ที่ถือพัดยศเปลวเพลิง
ในการนี้ คณะเจ้าภาพผู้ได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินที่จะนำมาทอดที่วัดญาณเวศกวันใน พ.ศ.2568 นี้ โดยความพร้อมใจของไวยาวัจกรวัดญาณเวศกวัน ได้เดินทางไปนมัสการขออาราธนา พระเมธีวชิรกวี (นพพร อริยญาโณ ป.ธ.9) มาจำพรรษาที่วัดญาณเวศกวัน เพื่อที่จะได้เป็นพระเถระราชาคณะ ผู้จะถวายอดิเรกนำการอนุโมทนาการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานนั้น
การที่พระเมธีวชิรกวีจะมาจำพรรษาที่วัดญาณเวศกวันนั้น เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวันได้อนุโมทนาเห็นชอบอยู่ก่อนแล้ว โดยเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวันได้พบปะพูดจากับพระเมธีวชิรกวี บอกความพร้อมจิตพอใจที่จะให้ท่านมาจำพรรษาที่วัดญาณเวศกวัน ทั้งนี้ พระเมธีวชิรกวี แต่เดิมนั้นก็เป็นพระภิกษุวัดญาณเวศกวันนี้เอง โดยที่ท่านได้อุปสมบทและจำพรรษาอยู่ที่วัดญาณเวศกวัน ตั้งแต่ พ.ศ.2547 และต่อมาท่านได้เจริญงอกงามขึ้นไปในการศึกษาพระปริยัติธรรมจนได้ศึกษาจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ที่วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร และขณะนี้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม และเป็นอาจารย์ใหญ่สำนักเรียนวัดอรุณราชวราราม
ที่วัดญาณเวศกวันนี้ เมื่อพระภิกษุในสำนักมีจำนวนมากขึ้น เจ้าอาวาสอยากให้พระสงฆ์มีโอกาสเล่าเรียนภาษาบาลี และพระเมธีวชิรกวีก็สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยคแล้ว จึงได้สละเวลามาสอนภาษาบาลีอย่างจริงจังที่วัดญาณเวศกวัน ในความดูแลของพระมงคลธีรคุณ จนเรียกได้ว่า พระเมธีวชิรกวีเป็นผู้ตั้งหลักวางฐานให้แก่การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี ของวัดญาณเวศกวัน จนกระทั่งมีพระสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค เป็นรูปแรกของวัดญาณเวศกวันในปีการศึกษาที่ผ่านมานี้
ในการที่วัดญาณเวศกวันได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงนี้ จะต้องมีการแต่งตั้งเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาสใหม่ทั้งหมด สำหรับตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้น ได้มีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯให้แต่งตั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวันแต่แรกแล้ว แต่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์อาพาธ ยังเดินทางไปรับพระบัญชาแต่งตั้งจากสมเด็จพระสังฆราชไม่ได้
บัดนี้ ทางการคณะสงฆ์ได้มีกำหนดวันมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชฯ แต่เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวันก็ยังอาพาธอยู่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จึงได้มอบหมายให้พระเมธีวชิรกวี เป็นผู้รับพระบัญชาแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ในโอกาสที่ท่านจะเดินทางมาจำพรรษาที่วัดญาณเวศกวัน ณ วันที่ 21 มิ.ย. 2568 ในฐานะที่พระเมธีวชิรกวีเป็นพระสังฆาธิการผู้ใหญ่ ทั้งในด้านการบริหารและในด้านการศึกษา เมื่อท่านมาจำพรรษาที่วัดญาณเวศกวัน ก็จะช่วยเป็นหลักให้แก่การปฏิบัติศาสนกิจของวัดญาณเวศกวันนี้ จึงถือว่า พระเมธีวชิรกวีเป็นที่ปรึกษาของสังฆะวัดญาณเวศกวัน และเป็น ประธานศูนย์พัฒนาปริยัติศึกษาของวัดญาณเวศกวันนั้น
เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน คือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นั้น ไม่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดญาณเวศกวันนานมากแล้ว เพราะปัญหาโรคาพาธ มิใช่เฉพาะที่ล้มกระดูกสันหลังยุบ มาที่วัดไม่ได้ ในช่วงเวลาครึ่งปีเฉพาะหน้าในปัจจุบันนี้เท่านั้น แต่ตามความเป็นมาว่า ตั้งแต่หลายสิบปีมาแล้ว เจ้าอาวาสนั้น มีอาพาธโรคปอดร้ายแรง ได้ย้ายหนีหลบควันพิษออกจากกรุงเทพฯ มาพำนัก ณ ที่ตั้งวัดญาณเวศกวัน ซึ่งโยมผู้ศรัทธาทั้งหลายได้จัดหาให้ เพื่อจะได้ฟื้นฟูสุขภาพและทำงานหนังสือธรรมะสืบต่อไป
หลังจากสุขภาพดีขึ้นได้ระยะหนึ่ง อาการของโรคปอดก็กำเริบขึ้นอีก จนกระทั่งมีอาการไอรุนแรงตลอดคืนตลอดวันอยู่หลายปี ในที่สุดจึงต้องไปหาที่พักฟื้นอาพาธในชนบทห่างไกลออกไปหลายแห่ง จนกระทั่งอาการไอได้สงบลง แต่เมื่อใดมาที่วัดญาณเวศกวัน อาการไอก็กลับกำเริบขึ้น จนกระทั่งเมื่อคิดจะกลับมาอยู่ที่วัดญาณเวศกวัน ได้มีผู้มีจิตใจกุศลมาร่วมกับไวยาวัจกรปรับแต่งต้นไม้จัดบริเวณกุฏิให้ปลอดโปร่งมีแดดลมผ่านได้ดี แต่เมื่อเจ้าอาวาสมาพักเมื่อใด อาการไอก็กำเริบทุกครั้ง จากการตรวจของแพทย์ ได้ความว่า ปอดข้างหนึ่งของเจ้าอาวาสนั้น นิ่งเฉยไม่ทำงานเลย ส่วนปอดอีกข้างหนึ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ ก็มีแผลเป็นมาก ทำงานได้คงสักครึ่งเดียว
จนถึงวาระหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นการทดสอบจริงจัง คือ ใน พ.ศ.2567 ตลอดเดือนพฤษภาคม เจ้าอาวาสได้มาพักค้างแรมที่วัดญาณเวศกวัน เพื่อไปรับการบำบัดรักษาประจำวันที่โรงพยาบาล คราวนั้นปรากฏว่า ได้มีอาการไอทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมองเห็นได้ว่า ถ้าอยู่ไปนานๆ อาการไอรุนแรงทั้งกลางวันและกลางคืน คงต้องกลับมาเหมือนอย่างเดิมอีก จึงยุติว่าเจ้าอาวาสรูปนี้ ไม่สามารถมาอยู่จำพรรษาที่วัดญาณเวศกวัน จึงแจ้งภาวการณ์ของวัดญาณเวศกวัน เพื่อรู้เข้าใจร่วมกัน