ด่ายับ ทุเรศ “ส้ม-แดง” ต้านรัฐประหารแต่ปาก !?

เมืองไทย 360 องศา

“ออกนอกหน้า” เกินเหตุจนสังเกตได้หรือเปล่า สำหรับ “พรรคส้ม” หรือ พรรคประชาชนที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน แทนที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างจริงจังให้สมกับบทบาท แต่กลายเป็นว่าที่ผ่านมาพวกเขาถูกมองว่าแสดงบทบาทอะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ คอยตรวจสอบรัฐบาล แต่ที่ผ่านมามักจะเห็นแต่การประดิษฐ์ประดอยคำพูดหรือดีแต่สร้าง “วาทกรรม” สวยๆออกมา เท่านั้น

กรณีความขัดแย้งด้านชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นความขัดแย้งผลประโยชน์ระหว่างสองครอบครัวคือ “ฮุนเซน กับชินวัตร” แต่ได้ลากเอาประชาชนทั้งสองประเทศ แต่กลับไม่เห็นบทบาทที่เป็นเรื่องเป็นราวจากพรรคที่มักแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นพวก “ต่อต้านรัฐประหาร” สิ่งที่เห็นก็เป็นแค่การ “ด้อยค่ากองทัพ” อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่พวกเขาทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยอย่างแข็งขัน และยังลำบากจากฝ่ายรัฐบาลที่แสดงออกเป็น “พวกเดียวกัน” กับฝั่งกัมพูชา

อย่าได้แปลกใจที่ทำให้พวกนักสังเกตการณ์ทางการเมืองหลายคนมองพวก “พรรคส้ม” พวกนี้แบบ “รู้ทัน” ว่า “ต้านรัฐประหารแต่ปาก” ไม่ว่าจะเป็น นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ที่ทนไม่ไหวต้องโพสวิจารณ์อย่างรุนแรงถึงสองวันติด ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน สมชัย ศรีสุทธิยากร” ว่า “นอกจากปากที่กล่าวว่าต่อต้านรัฐประหาร นักการเมืองต้องช่วยกันใช้กลไกในระบอบประชาธิปไตยเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วย

“ม็อบจุดติด กลายเป็นม็อบติดไฟที่โดนฝ่ายการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน รุมประณามว่ากวักมือเรียกรัฐประหารจากคำอภิปรายบนเวทีของสนธิ ลิ้มทองกุล

“การยืนหยัดในหลักการไม่เอารัฐประหารเป็นสิ่งที่ต้องชื่นชม เพราะ 9 ปีหลังรัฐประหาร ฝ่ายทหารที่ยึดอำนาจไม่ได้พิสูจน์ว่าเข้ามาแก้ไขปัญหา หนำซ้ำยังร่วมมือกับนักการเมืองที่ส่วนหนึ่งเป็นรัฐบาลในปัจจุบันทำให้ประเทศหยุดนิ่งและถอยหลัง

“แต่นักการเมืองที่ปากประณามรัฐประหาร ต้องเชื่อมั่น ศรัทธา และทุ่มเทใช้กลไกทุกอย่างในระบอบประชาธิปไตยเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย

1เมื่อเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ว่ามีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีใช้ตั๋วสัญญา PN แบบไม่ระบุวันคืน ไม่มีดอกเบี้ยกับคนในครอบครัวเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีมากกว่า 200 ล้านบาท แม้ลงมติแพ้ในสภา ก็สมควรใข้กลไก ยื่น ป.ป.ช. หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยต่อว่า นายกขาดคุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์หรือไม่ แต่ท่าน(พรรคประชาชน)ไม่ทำ

2 เมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาระหว่าง แพทองธารกับฮุนเซ็น มีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำประเทศ เช่น การว่าร้ายแม่ทัพภาค 2 การเสนอว่าอีกฝ่ายอยากได้อะไรให้บอก เมื่อผิดพลาดควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ท่าน (แพทองธาร) ไม่ทำ

3. เมื่อจะจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่ หลังจากพรรคภูมิใจไทย ถอนตัว โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านมีโอกาสถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ท่าน (พรรคร่วมรัฐบาล) ไม่ทำ

4. เมื่อพรรคภูมิใจไทย พยายามใช้ช่องทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา แต่เสียงไม่พอเพราะต้องมีเสียง สส. ลงชื่อ 99 เสียง ท่าน (พรรคประชาชน) ไม่ทำ โดยอ้างว่า ไม่ควรทำพร่ำเพรื่อ

5. ไม่อยากให้ประชาชนเขาลงถนน เกรงว่าจะเป็นการกวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจ ฝ่ายการเมืองต้องแสดงให้เห็นว่า ท่านใช้กลไกทางการเมืองอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ซูเอี๋ยหรือแผ่นเสียงตกร่องว่าให้ยุบสภาอย่างเดียว หรือจะให้เชื่อว่าปฏิญญาฮ่องกงมีจริง

ขณะเดียวกันยังมี นายจุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มรวมพลังปกป้องอธิปไตย และวิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยตอบโต้พวกอวดตัวอ้างเป็นนักประชาธิไตย แต่จอมปลอม แล้วยังฉวยโอกาสหยิบคำพูดปราศรัยเพียงถ้อยคำเดียวมาปลุกปั่นใส่ร้ายกลุ่มรวมพลังปกป้องอธิปไตยและไล่นายกฯ เป็นพวกชุมนุมเรียกร้องให้เกิดรัฐประหาร

เขากล่าวว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่มีใครกวักมือเรียกการรัฐประหารเลย และในคำพูดของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งผู้กล่าวปราศรัย ก็ไม่มีข้อความไหนที่เรียกรัฐประหารเลย

“ไหนบอกว่าเกลียดรัฐประหารกันนัก เพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาล และได้เสียง สว.152 เสียงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งขึ้นมาหนุนให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แล้วตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ต่อมาดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลหลังจากถอดพลังประชารัฐออกไป” นายจตุพร ระบุ

นายจตุพร กล่าวว่า ตนและกลุ่มรวมพลังฯ ไม่เอารัฐประหาร และตนยังต่อต้านรัฐประหารมาต่อเนื่อง ขณะที่พรรคเพื่อไทยและพวกนักประชาธิปไตยปลิ้นปล้อนออกมาปั่นโจมตีต้านการเปิดประตูให้รัฐประหาร แล้วพวกนกหวีดนั่งเป็นรัฐมนตรีอยู่ พวกคุณไม่เคยต่อต้านเลยสักครั้ง แล้วยังมาแสดงบทนักประชาธิไตยเฮงซวยกันอีก

นายจตุกร ยังกล่าวถึงพรรคประชาชน กรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร-พรรคประชาชนนั้น ถ้าต้องการหยุดยั้งการรัฐประหารแล้ว เมื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ กรณีตั๋วพีเอ็น พรรคประชาชนโจมตีจริยธรรมฮุบสนามกอล์ฟอัลไพน์ และที่ดินเขาใหญ่ หลังอภิปรายฯ ก็ไม่ยื่นศาล รธน. ตรวจสอบจริยธรรมนักการเมือง

แม้พวกคุณเอาแต่อ้างว่า ไม่ต้องการใช้กติกาคณะยึดอำนาจทำกับนายกฯ อุ๊งอิ๊ง แต่ก่อนหน้านั้นพรรคของคุณกลับยื่นศาล รธน. เป็นเครื่องมือเล่นงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ พรรคภูมิใจไทย และยื่นถอดถอน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ และขณะนี้ยังจะทำกับนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนฯ

“ถ้าคุณ (วิโรจน์-พรรคประชาชน) ยื่นศาล รธน. กรณีอุ๊งอิ๊ง หากพ้นจากตำแหน่ง ก็ไม่มีโอกาสไปคุยกับฮุนเซนไง ผมจึงบอกไงว่า พรรคเพื่อไทยโชคดีที่มีพรรคประชาชนเป็นพรรคฝ่ายค้าน”

จากนั้นเมื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน ต้องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกรณีนายกฯ คลิปหลุด แต่พรรคประชาชนและนายวิโรจน์ ไม่ร่วมมือด้วย ทำยึกยัก เล่นตัว จึงสงสัยว่า พวกคุณเป็นอะไร เห็นบอกเป็นความหวังประชาชน และคุณเล่นการเมืองแบบนี้เหรอ

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าไม่ต้องการรัฐประหาร ต้องมีมาตรฐานทางการเมือง โดยให้การเมืองแก้ไขปัญหาทางการเมือง แต่พรรคประชาชนกลับละเว้นมาตรฐานทางการเมือง เอาแต่ไปยื่นหนังสือกับกรมสรรพากร ซึ่งเป็นข้าราชการอยู่ภายใต้การกำกับของ รมว.คลัง คนจากพรรคเพื่อไทย โดยมีนายกฯ อุ๊งอิ๊ง เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนกรณีตั๋วพีเอ็นเลย และพรรคประชาชนก็ไม่ยื่นศาล รธน.ข้อหาจริยธรรมนักการเมืองอีกด้วย

“เมื่อ (พรรคประชาชน) รัฐบาลก็ไม่เอา รัฐประหารก็ไม่เอา พวกเรารวมพลังฯ ก็ไม่เอารัฐประหาร แล้วใครให้เอารัฐประหาร ก็ใน ครม.และที่ปรึกษาของนายกฯ นั่นไง ซึ่งเป็นคนมีพฤติกรรมแบบนี้ตั้งแต่ 22 ส.ค. 66 และเอาแต่ลอยหน้าลอยตาพูดไม่เอารัฐประหาร แล้วไงไอ้คนเก่ง ทุเรศ”

เรียกว่า (ด่า) หรือจะเรียกว่าวิจารณ์ได้อย่างสะใจ เพราะรู้เช่นเห็นชาติ รู้ใส้ว่าข้างในมีกี่ขด ทำเหมือนกับว่าเป็นนักประชาธิปไตย ต่อต้านรัฐประหาร แต่พฤติกรรมที่ผ่านมามันฟ้องให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้จริงจัง ทำได้แต่ประดิษฐ์คำพูดให้สวยหรู แต่เนื้อใน “กลอง” และหลอกลวง ดังที่มีการเปิดโปงให้เห็นแล้วไม่ว่าจะเป็นกรณี “ตั๋วพีเอ็น” ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่อ้างไม่ยอมรับองค์กรอิสระที่ตั้งมาตั้งแต่สมัยรัฐประหาร แต่มาวันหนึ่งก็กลับมาร้องศาลรัฐธรรมนูญให้จัดการกับฝ่ายตรงข้าม หรือล่าสุดพรรคประชาชนก็ไม่ร่วมมือยื่นญัตติซักฟอก “อุ๊งอิ๊ง” จนกลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจเสียเอง !!

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO