โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

‘ต่อ ธนภพ’ เปิดใจครั้งแรก ถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก!

The Bangkok Insight

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • The Bangkok Insight

‘ต่อ ธนภพ’ เปิดใจครั้งแรก ถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก! มรสุมชีวิตที่ต้องยืนคนเดียว

เปิดใจต่อ ธนภพ พูดครั้งแรก! ในรายการ WOODY INTERVIEW หลังค่ายนาดาวบางกอกปิดตัวลง ที่เป็นเสมือนบ้านที่หล่อหลอมมาตลอด รู้สึกเหมือนคนอกหัก! การเริ่มต้นใหม่ที่ต้องก้าวออกมายืนด้วยตัวเองเผชิญกับความท้าทาย ซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดและปัญหาที่ไม่คาดคิด ผ่านมรสุมชีวิตจนเกือบจะท้อแท้

ต่อ ธนภพ

‘ต่อ ธนภพ’ เปิดใจครั้งแรก ถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก!

ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?

ต่อ ธนภพ : ช่วงนี้เป็นปีที่เริ่มต้นโปรเจกต์ใหม่ และเป็นจุดเริ่มต้นของลุคนี้ในรอบ 12 ปีที่ผมไม่ได้กลับมาทำทรงผมบัซคัทเลย งานแรกที่ผมได้มีโอกาสได้ให้ผู้คนได้เห็นลุคนี้คืองานนาฏราชที่ผ่านมา พี่วู้ดดี้เป็นที่แรกที่ผมจะมาได้บอกแบบจริงๆ ว่าผมกลับมากับลุคแบบนี้ด้วยโปรเจกต์การแสดงหนัง

เล่าถึงเบื้องหลังการเดินทางของงานที่เราอาจไม่รู้?

ต่อ ธนภพ : ผมเกิดมากับลุคนี้ที่เป็นที่รู้จักของทุกคนตั้งแต่ไผ่ฮอร์โมน ตลอด 10 ปีที่เราทำงานมา ผมตั้งใจอยู่ตลอดว่า อยากหาโอกาสในการกลับมาลุคของไผ่ฮอร์โมนอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าการเดินทางของตัวผมเองเราเดินทางมาไกลถึงจุดหนึ่ง หรือในวันที่เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เช่น ยุคแรกๆ ผมเป็นคนอยากลองทำไปหมดเพื่อให้ตัวเองรู้ว่าชอบอะไร

จนผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาตั้งแต่นาดาวยังไม่ปิดตัวลง อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่าอยากทำทรงนี้อีกครั้ง ตอนนั้นผมจำได้แม่นว่าพี่ย้งเคยพูดกับผมว่า… ไม่ได้ต่อ สิ่งนี้สำคัญกับยูมากๆ แล้วผมก็ถามกลับไปว่าแล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีสัญญาณบอกผมว่าถึงเวลา เขาบอกผมว่าผมจะรู้ด้วยตัวของผมเอง เมื่อผมโตขึ้น ซึ่งผมก็รู้สึกว่าตอนนี้แหละ ผมก็บอกไม่ถูกว่าเหตุผลที่ผมยอมรับลุคนี้คืออะไร แต่ผมสัมผัสกับตัวเองได้ว่าถ้าอยากทำสิ่งนี้ก็ต้องทำตอนนี้ เป็นตอนอื่นไม่ได้

ความรู้สึกของช่วงที่อยู่ในลุคของไผ่ฮอร์โมน?

ต่อ ธนภพ : ประมาณ 3-4 ปีที่อยู่ในลุคของไผ่ฮอร์โมน ผมรู้สึกภูมิใจกับลุคนั้น แต่ยอมรับว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเริ่มต้น ผมปรับตัวไม่ทัน ที่อยู่ๆ เด็กคนหนึ่งกับการที่มีคิวงานที่มหาศาล และชีวิตต้องรับผิดชอบมากขึ้น ก็มีช่วงที่รู้สึกไม่แน่ใจว่าเหนื่อยเกินไปไหม หรือจะไหวไหม ทุกอย่างที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มาจากแพชชั่นที่ผมรักมันจริงๆ อยากทำมัน ต่อให้รู้ว่าไม่ไหว เราก็ยังอยากทำต่อไป ทั้งหมดเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข เพราะว่าผมเกิดมาในบ้านที่อบอุ่น ทุกคนดูแลกันแบบครอบครัว บ้านหลังนี้ที่มองทุกคนคือครอบครัว ไม่แบ่งกลุ่มให้เกิดชนชั้นกัน

ในวันที่นาดาวบางกอกต้องยุติลง ชีวิตเป็นยังไงหลังจากนั้น?

ต่อ ธนภพ : เฮิร์ต ผมรู้สึกเหมือนคนอกหัก เราไม่ได้รู้สึกเจ็บแบบนี้นานมาก มันแย่ตรงที่ผมรู้เรื่องนี้ก่อน มันเหมือนสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วผมไม่เคยรู้สึกว่าค่ายที่อยู่มามันไม่ดี เพราะเขาเลี้ยงผมมาอย่างดี ผลักดันผมเต็มที่ และให้ประสบการณ์มากมายในวันที่ผมอยู่ในนั้น รวมถึงวันที่ผมต้องก้าวออกมาสู่โลกภายนอกด้วยขาของตัวเองจริงๆ ถึงเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่พี่ๆ เขาให้เรามามันมากขนาดนี้เลยเหรอในแบบที่เราไม่รู้ตัว มันเลยเป็นช่วงที่ตอนนั้นผมไม่ยอมรับ

วันที่ผมรู้ว่ามันจะไม่มี ไม่อยากให้ค่ายปิด ณ ตอนนั้นในมุมมองของเด็กตอนนั้นรู้สึกว่ามันไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย ปัญหาคืออะไร ช่วงนั้นเป็นหัวเลี้ยวหัวต่ออีกช่วงหนึ่งของชีวิต กำลังจะก้าวเข้าสู่ 30 จะเริ่มโตขึ้นแบบจริงๆ จำได้ว่าจุดที่ผมยอมรับคือตอนที่ได้ยินเหตุผลของพี่ย้งว่า เขารู้สึกว่าแพชชั่นของเขากำลังย้ายไปที่จุดอื่น ซึ่งสะท้อนกลับมาที่ตัวผมทันทีว่าผมก็เป็นมนุษย์แพชชั่น และทำทุกอย่างด้วยแพชชั่นมาตลอด เมื่อคนที่รักมากบอกว่าแพชชั่นเปลี่ยน ผมรู้สึกว่าเขาไม่เคยปฏิเสธแพชชั่นผม ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายแพชชั่นเขา จึงเริ่มยอมรับสิ่งนั้น และเป็นหนึ่งในศิลปินที่อยู่จนถึงวันสุดท้ายโดยไม่วิ่งหาที่อยู่ใหม่หรือพยายามเอาตัวรอด ผมแค่อยากอยู่กับพี่ๆ จนถึงวินาทีสุดท้ายที่คำว่า "นาดาว" ใช้ไม่ได้อีกแล้ว

จุดที่ต้องหางานเอง?

ต่อ ธนภพ : เคยได้ยินประโยคที่ว่าคนในอยากออก คนนอกอยากเข้าไหม ผมรู้สึกว่าทุกที่เป็นแบบนั้น การที่เราเป็นคนในจะชอบเห็นข้อเสีย คนนอกจะเห็นแต่ข้อดี มีจุดที่โตขึ้น เคยรู้สึกว่าการดูแลของค่ายทำแค่นี้เองเหรอ เราน่าจะทำเองได้ ไม่เห็นยากเลย นั่นเป็นวันที่เราไม่รู้ดีเทล ซึ่งในวงการมีดีเทลมากมาย แล้ววันที่ผมรู้ว่านาดาวยุติ ผมรู้ตัวว่าเราต้องโตแล้ว สิ่งที่เคยคิดว่าโตมาตลอด วันนี้มันไม่ใช่แค่คิด ความผูกพันกับบ้านหลังนี้มา ทำให้ผมเริ่มต้นตัวเองว่าจะเป็นฟรีแลนซ์ อยากลองเดินด้วยขาตัวเอง

การที่จะหาคนดูแลหรือค่ายใหม่ก็ทำได้ แต่สิ่งที่ผมเลือกคืออยากให้ชีวิตนี้นาดาวเป็นเพียงค่ายเดียวของผม เขาคือรากฐานที่ฟูมฟักและเลี้ยงดูผมมา รู้สึกว่า 10 ปีตลอดการดูแลที่ผ่านมาควรจะมากพอสำหรับเด็กคนหนึ่งที่วันนี้เขาไม่ควรต้องพึ่งคนอื่น สิ่งที่ทำให้ผมเลือกคือการเปิดบริษัทเล็กๆ ดูแลตัวเอง ชวนพี่ที่สนิทและไว้ใจมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว หาทีมออนไลน์เข้ามาช่วย ผมอยากลองใช้ชีวิตอีกแบบที่ต้องดูแลตัวเองจะเป็นยังไงช่วงแรกที่ออกมาจากนาดาว?

ต่อ ธนภพ : ต้องบอกว่าหนักครับ ปีแรกๆ บ้ามาก คือผมไม่เคยคิดเลยว่ามันดีเทลขนาดนี้ ตอนแรกมีจุดกังวลว่าจะหางานจากไหน จะยังไงต่อ จะอยู่รอดได้ยังไง แต่สุดท้ายปัญหาที่คิดกลับไม่เกิดขึ้นเลย สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด เช่น เมื่อก่อนอยู่กันคนเยอะ ไม่ต้องโฟกัสกันขนาดนั้น พอทีมเล็กลงจุดโฟกัสก็บีบ ทุกอย่างเข้มข้นขึ้น ปะทะทางความคิดกันง่ายขึ้น เมื่อก่อนถ้าผิดใจกับใครในค่ายที่มีคนเยอะ เรามีเวลาพักไปคุยกับคนอื่นได้ พักสติใดๆ แต่ตอนนี้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นต้องเคลียร์ให้จบ แล้วใช้เวลาเป็นปีในการปรับตัว กว่าจะเริ่มรู้ว่าเราขาดอะไร อะไรพอ อะไรไม่พอ

มีช่วงที่ผมรู้สึกว่าท้อด้วยนะ มองว่าหรือมันหนักเกินไปสำหรับเรา หรือเราคิดง่ายไปว่าโตแล้วน่าจะไหว แต่จริงๆ เราอาจจะไม่ไหวขนาดนั้นก็ได้ ท้อคือผมรู้สึกว่าปัญหาไม่หยุด พอเราไม่มีคนคอยเป็นแบ็กให้ขนาดนั้นก็โหวง ไม่ชิน คือความรู้สึกที่ไม่ได้คอมฟอร์ตขนาดนั้น พอเข้าสู่โหมดเอาตัวรอดตลอดเวลามันจะกังวลง่ายไปหมด พอเป็นอย่างนั้นทุกวันมันเหนื่อยมากๆ

มีช่วงที่ผมรู้ตัวเองว่าผมอ่อนแอมาก จนรุ่นพี่หรือผู้ใหญ่เคยแนะนำว่าทุกอย่างที่เป็นการเริ่มต้นใหม่ สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดอาจเป็นเรื่องของเวลา ผมก็ลองเชื่อ ปัญหาเข้ามาก็แก้ไม่เป็นไร แล้วพอมันผ่านไปรู้สึกว่าผมและทีมได้ยกเวท เราแข็งแรงขึ้น กล้าเผชิญมากขึ้น ผมได้ผ่านมรสุมชีวิตมาก็หลายครั้งจนรู้สึกว่าวันนี้เข้มแข็งขึ้น จนถึงจุดที่คิดว่านี่เป็นช่วงชีวิตที่ชิลที่สุด เวลาทำงานใดๆ

ต่อ ธนภพ

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่เหนื่อยมาก จะบอกกับตัวเองว่าอะไร?

ต่อ ธนภพ : คุณไม่ได้เดินผิดทาง และผมก็บอกไม่ได้ด้วยว่าคุณเดินถูกทาง แต่มันโชคดีมากที่คุณไม่หยุดเดิน

สิ่งที่เชื่อมั่น?

ต่อ ธนภพ: ผมเชื่อมั่นในการอยู่กับปัจจุบัน แต่ก็ยังมองว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกไปเรื่อยๆ เราไม่มีทางทำได้ทั้งหมด

ต่อ ธนภพ
ต่อ ธนภพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Bangkok Insight

สู้ไม่ถอย! ม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ 28 มิ.ย. เจอฝนถล่มหนัก ควักร่ม-เสื้อกันฝน ฟังปราศรัยต่อ

54 นาทีที่แล้ว

‘เรวัช’ มาแล้ว! ร่วมชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ ปกป้องอธิปไตย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวง เพิ่มประโยชน์ทดแทนว่างงาน จากสูงสุด 7,500 เป็น 9,000 บาท 180 วัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘พิชิต’ เปิดปราศรัย ‘รวมพลังแผ่นดินฯ’ ไล่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ทำชาติล้มเหลว

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความบันเทิงอื่น ๆ

วิดีโอ

ผ่านมาแค่ 2 ปี ยอดหนี้คงเหลือ ปัจจุบัน ของเชน ธนา จาก กว่า 400 ล้าน ความพยายามไม่ทำร้ายใคร

สยามนิวส์

ผ่านมาแค่ 2 ปี ยอดหนี้คงเหลือ ปัจจุบัน ของเชน ธนา จาก กว่า 400 ล้าน ความพยายามไม่ทำร้ายใคร

สยามนิวส์

เหล่าคุณหนูใจฟู ‘เจมีไนน์-โฟร์ท’ เตรียมปลุกความสนุก ‘A.W.A.K.E CONCERT’ 30-31 ส.ค.นี้

TODAY

“ตุ๊กกี้” ถูกหักหลัง? ประกาศเลิกทำบาร์โฮส เตรียมใช้กฎหมายจัดการเพื่อความยุติธรรม

Manager Online

“พี่จูดี้ จารุกิตติ์” ได้เติมฝันเติมไฟ ครั้งหนึ่งของชีวิตได้เป็นนางเอกซีรีส์

daradaily

ปล่อยหมัดฮุก! ‘aespa’ เสิร์ฟรสชาติเหล็กที่แท้จริง ในซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘Dirty Work’

TODAY

“ม้า อรนภา” ให้กำลังใจม็อบไล่นายกฯ สู้ๆ อย่าถอย ฝนตกเดี๋ยวก็หยุด พร้อมใส่เพลง รักเธอประเทศไทย

Manager Online

"ตุ๊กกี้" ประกาศเลิกทำบาร์โฮสต์ ร่ายยาวความในใจ ทำธุรกิจเชื่อใจอย่างเดียวไม่พอ

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

เฉลยแล้ว ‘หนุ่ม กรรชัย’ ตอบสาเหตุเข้าโรงพยาบาล ป่วยเป็นอะไร

The Bangkok Insight

ม้วนเดียวจบ แอมมี่-ซ้อก้าด ปมดราม่ารีวิวสินค้า บรีฟแน่น!?

The Bangkok Insight

คู่รักดารา อัปเดตความหวาน หลังจดทะเบียนสมรส อยากอุ้มลูกร่วมงานวิวาห์

The Bangkok Insight
ดูเพิ่ม
Loading...