ถูกตัดสิน "ไม่รอด" ตั้งแต่เกิด พ่อทอดทิ้ง แต่แม่ไม่ท้อ ผลักดันลูกจบฮาร์วาร์ด และทำอาชีพนี้!!!
ปาฏิหาริย์จากความรักของแม่เลี้ยงเดี่ยว เด็กชายสมองพิการ และคำตัดสินว่า “ไม่มีทางรอด” จากผู้ถูกพ่อทอดทิ้ง สู่ใบปริญญาจากฮาร์วาร์ด และการเป็นทนายความในนิวยอร์ก แรงบันดาลใจให้คนทั้งประเทศจีน
ปี 1988 ณ เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับคำวินิจฉัยทางการแพทย์ว่า“สมองพิการรุนแรง” แพทย์ลงความเห็นว่าเขาอาจเป็นอัมพาตตลอดชีวิตหรือไม่ก็ปัญญาอ่อน โอกาสรอดแทบเป็นศูนย์ พ่อของเด็กเลือกจะละทิ้งและตัดสินใจหยุดการรักษา แต่แม่ของเขา“จ้าว หงอี้เหวิน” กลับยืนกรานจะสู้ต่อจนถึงที่สุด เธอกอดใบแจ้งเตือนอาการวิกฤติของลูกแน่น และให้คำมั่นว่า"ตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจ ลูกของฉันต้องมีอนาคต!"
เด็กชายคนนั้นชื่อ ติงเจิ้น เขาคือผลลัพธ์ของความรักไม่ยอมแพ้จากแม่เลี้ยงเดี่ยวและคุณย่าผู้คอยอยู่เคียงข้าง ทั้งสองผลักดันเด็กที่ถูก “ตัดสินว่าไร้อนาคต” ให้กลายเป็นนักเรียนดีเด่นของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก่อนจะได้รับทุนเรียนต่อด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสอบผ่านใบอนุญาตทนายความแห่งรัฐนิวยอร์ก “สิ่งที่คนอื่นเรียกว่าปาฏิหาริย์ แท้จริงแล้วคือความรักที่ไม่เคยยอมแพ้ของแม่คนหนึ่ง” ชาวเน็ตจีนคอมเมนต์
- เด็ก 8 ขวบสลบคาโต๊ะเรียน หมอยื้อชีวิตตื่นมาพูดกับแม่ 7 คำสุดท้าย สะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม
- นศ.หนุ่มจีน ลาออกมหาลัยอันดับ 1 หลังจากเรียน "แค่วันเดียว" เหตุผลช็อกคนทั้งประเทศ!
ย้อนกลับไปเมื่อวันคลอด ซึ่งควรเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของผู้เป็นแม่ แต่ไม่ใช่สำหรับ เจ๋า หงอี้เหวิน โรงพยาบาลตัดสินใจ “เจาะถุงน้ำคร่ำ” โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้เด็กชายขาดออกซิเจนในครรภ์ เกิดภาวะเขียวคล้ำ ตัวอ่อนแรง และไม่ส่งเสียงร้องใด ๆ เมื่อคลอด
แพทย์แนะให้"ปล่อยไป" เพราะแม้รอดชีวิตก็จะเป็นอัมพาตทั้งตัวหรือปัญญาอ่อน สามีจึงเลือกจะ"ถอดเครื่องช่วยหายใจ" แต่หงอี้เหวินกลับกระโจนเข้ากอดลูกชายแล้วตะโกนสุดเสียง “ใครกล้าถอดสาย ฉันจะสู้ตายกับคนนั้น!” หลังเหตุการณ์นั้น เธอรับภาระการเลี้ยงดูลูกคนเดียวโดยไม่หวังพึ่งใคร แม้สามีจะจากไป และไม่เคยแม้แต่จะอุ้มลูกชายของตน
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อพบว่าหลานเป็นสมองพิการ คุณย่าตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วย เพื่อช่วยลูกสะใภ้ดูแลหลาน โดยการฝึกกล้ามเนื้อเริ่มตั้งแต่สอนให้ “มองสีของลูกโป่ง” ขณะที่ศีรษะยังไม่สามารถเงยขึ้นได้
อายุ 1 ปี มือยังจับของไม่ได้ แม่สอนให้ฉีกกระดาษทีละวัน
อายุ 3 ปี เริ่มยืนได้
อายุ 4 ปี เดินได้อย่างมั่นคง
อายุ 5 ปี กระโดดได้
อายุ 7 ปี ช่วยเหลือตัวเองได้ และเข้าโรงเรียนเหมือนเด็กปกติ
แม่-ลูก-ย่า ร่วมแรงสาม generational กับการฟื้นฟูที่แทบเป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แม้การกายภาพจะเต็มไปด้วยน้ำตา เสียงร้อง และความเจ็บปวด แต่หงอี้เหวินไม่เคยถอย “หากยอมแพ้สักครั้ง วันหน้าเราจะถอยง่ายขึ้นทุกครั้ง” เธอกล่าว
ฮาร์วาร์ดไม่ใช่ฝันสำหรับ “ลูกชายแม่หงอี้เหวิน”
แม้จะเริ่มเรียนช้า พูดไม่ชัด และเคลื่อนไหวช้ากว่าเพื่อนๆ แต่หงอี้เหวินไม่เคยปิดกั้นลูกจากสังคม เธอฝึกให้ลูกเรียนรู้การปฏิสัมพันธ์ แก้ปัญหาโดนแกล้ง และสอนให้ “เรียนเก่งกว่าคนอื่น” เพื่อชดเชยข้อจำกัดด้านร่างกาย
กระทั่งเมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ติงเจิ้นสอบติดมหาวิทยาลัยปักกิ่ง โดยคะแนนสูงเกินเกณฑ์ถึง 60 คะแนน และได้รับเชิญจากหลายสถาบันดังทั่วประเทศ หลังจบปริญญาตรี เขาเรียนต่อปริญญาโทด้านกฎหมาย และทำงานเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้บริษัทใหญ่
แม้ค่าเล่าเรียนของฮาร์วาร์ด สูงถึง 500,000 หยวน (ราว 2.5 ล้านบาท) แต่แม่กลับบอกว่า “เรื่องสอบติดเป็นหน้าที่ลูก เรื่องหาเงินเป็นหน้าที่แม่… ขายบ้านก็ได้ แต่อย่ากลัว” ท้ายที่สุด ติงเจิ้นได้รับทุนบางส่วน และแม่ก็หาทุนเพิ่มจนเขาเรียนจบภายใน 1 ปี พร้อมสอบผ่านใบอนุญาตทนายความในรัฐนิวยอร์ก
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ในช่วงที่ลูกชายเรียนฮาร์วาร์ด หงอี้เหวินได้เปิดศูนย์ส่งเสริมการศึกษาพิเศษ ในอู่ฮั่น เพื่อช่วยเหลือเด็กพิการ 21 คนเข้าสู่มหาวิทยาลัย ส่งต่อความหวังจากผู้รับสู่ผู้ให้
ปัจจุบัน ติงเจิ้นทำงานเป็นทนายความในนิวยอร์ก และทุ่มเทให้กับการช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางทางสังคม เดินตามรอยแม่ที่ไม่เคยยอมแพ้ เรื่องราวของเขาพิสูจน์ว่า ปาฏิหาริย์ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ… หากมีใครสักคนที่ไม่เคยปล่อยมือคุณ “สิ่งที่หมอบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แม่ทำให้มันเกิดขึ้นจริง”