แสนสิริจับมือ สจล. พัฒนาพรีคาสท์กราฟีนลดความร้อน-ลดคาร์บอน
แสนสิริเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจด้านความยั่งยืนโดยจับมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อลงนามความร่วมมือพัฒนานวัตกรรมผนังคอนกรีตสำเร็จรูป หรือ “พรีคาสท์” รุ่นใหม่ เสริมวัสดุกราฟีนเพื่อลดความร้อนสะสมในที่อยู่อาศัย ถือเป็นงานวิจัยต้นแบบครั้งแรกในไทย ที่จะถูกต่อยอดสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรมผ่านโรงงานพรีคาสท์ของแสนสิริ และใช้จริงในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การร่วมมือครั้งนี้เป็นการสานต่อพันธกิจ Net Zero 2050 ของแสนสิริ ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยการนำวัสดุกราฟีนมาใช้ร่วมในกระบวนการผลิตผนังคอนกรีต จะไม่เพียงช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้วัสดุได้มากถึง 35% จากการใช้กราฟีนในสัดส่วนเพียง 0.1% เท่านั้น แต่ยังช่วยลดปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ ซึ่งถือเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รายใหญ่ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
โครงการวิจัยนี้จะใช้ “กราฟีนออกไซด์” (Graphene Oxide หรือ GO) ซึ่งเป็นวัสดุนาโนขั้นสูงที่ผลิตได้ภายในประเทศ โดยทีมวิจัยของสจล. ภายใต้การนำของ ศ.ดร.เชรษฐา รัตนพันธ์ และ ผศ.ดร.ชวาลย์ ศรีวงษ์ จากคณะวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนาเครื่องผลิตกราฟีนออกไซด์และรีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ต้นทุนต่ำ ที่สามารถผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม ช่วยลดการนำเข้ากราฟีนที่มีราคาสูงถึง 10 ล้านบาทต่อกิโลกรัม
วัสดุกราฟีนออกไซด์มีคุณสมบัติเด่นหลายด้าน เช่น การเพิ่มความแข็งแรงทางกล ป้องกันความร้อน ยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรีย และไม่เป็นพิษต่อมนุษย์ จึงเหมาะสำหรับการนำไปประยุกต์ใช้ในวัสดุก่อสร้าง โดยการผสมในคอนกรีตพรีคาสท์จะช่วยลดความร้อนสะสมในตัวบ้าน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเป็นฉนวนอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านรองศาสตราจารย์ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. กล่าวเสริมว่า การร่วมวิจัยในครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาสังคม โดยความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างมาตรฐานใหม่ด้านนวัตกรรมก่อสร้าง แต่ยังมีศักยภาพในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถนำไปใช้ได้กับที่อยู่อาศัยทุกประเภท ตั้งแต่บ้านแนวราบ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน จนถึงโรงงานและโกดังสินค้า
ทั้งนี้ แสนสิริมีประสบการณ์พัฒนาเทคโนโลยีพรีคาสท์มากว่า 15 ปี ปัจจุบันมีโรงงานรวม 6 แห่ง บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ที่ จ.ปทุมธานี โดยใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติแบบ Semi Automated Carousel System พร้อมนำนวัตกรรมกรีนซีเมนต์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 5–10% มาใช้ในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นทาง
ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและสจล. ในครั้งนี้จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ด้วยเป้าหมายในการสร้างบ้านที่ช่วยโลก ที่พร้อมจะตอบโจทย์ทั้งสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของผู้คนในระยะยาว