CREDIT เดินหน้าขยายลูกค้าใหม่ ดันสินเชื่อปีนี้โตตามเป้า 15% – คุม NPL เหลือ 4.3%
นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยว่า บริษัทรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 ยืนยันความสามารถในการเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว โดยสามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 1,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 1,270 ล้านบาท ขณะที่อุตสาหกรรมเฉลี่ยโตเพียง 3.5% สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงและคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง
ส่วนยอดพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 171,000 ล้านบาท เติบโต 5.2% จากสิ้นปี 2567 ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ เมื่อเทียบกับธนาคารอื่นซึ่งบางแห่งมียอดสินเชื่อหดตัว โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่ม Micro SME หรือกลุ่มรากหญ้าในตลาดค้าปลีก ซึ่งไทยเครดิตให้ความสำคัญมาโดยตลอด
ขณะที่กลุ่มสินเชื่อที่เติบโตโดดเด่น ได้แก่ สินเชื่อ Micro SME เพิ่มขึ้น 14% คิดเป็นมูลค่ากว่า 116,000 ล้านบาท สินเชื่อบ้านแบบ Home Equity โต 13% อยู่ที่ราว 26,000 ล้านบาท สินเชื่อบุคคลพุ่งถึง 66% จากฐานที่ต่ำ ส่วนสินเชื่อนาโนและไมโครเครดิตมีการควบคุมการปล่อยกู้เพื่อรักษาคุณภาพ ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ประมาณ 21,000 ล้านบาท
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ ไทยเครดิตสามารถลดอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลงเหลือ 4.3% จาก 4.5% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย NPL ของสินเชื่อกลุ่ม Micro SME ในระบบธนาคารที่อยู่ราว 7% ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ไทยเครดิตไม่ได้ขาย NPL ออกในช่วงครึ่งปีแรก ยิ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มแข็ง โดยมี coverage ratio อยู่ที่ 154%
นอกจากนี้ บริษัทมีการตั้งสำรองความเสี่ยง (credit cost) อยู่ที่ 2.08% ลดลงจาก 3.72% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งยังยืนยันว่าอัตราส่วน ROE อยู่ที่ระดับ 15.5% สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม
ด้าน Net Interest Margin (NIM) อยู่ที่ 7.4% ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าคู่แข่งในตลาด ส่วนต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยยังคงอยู่ที่ราว 2.3% จากการบริหารเงินฝากอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ฝากประจำและบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัลผ่านแอป Alpha Savings ที่ให้ผลตอบแทนจูงใจ
สำหรับกลยุทธ์การเติบโตในระยะถัดไป ไทยเครดิตยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม Micro SME และกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (Underserved) ควบคู่กับการลงทุนด้านเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลผ่านโครงสร้าง Open Platform เพื่อสร้างนวัตกรรมและเพิ่มผลิตภาพ (productivity) อย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อทั้งปีอยู่ที่ 10–15%
ในช่วงที่ผ่านมา ไทยเครดิตยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14064-1 ด้านการบริหารจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ พร้อมตั้งเป้าเข้าสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero ภายในปี 2065 สอดคล้องกับเป้าหมาย ESG ขององค์กร
ด้านสถานะในตลาดหลักทรัพย์ฯ หุ้นไทยเครดิตซื้อขายที่ P/BV ประมาณ 0.87 เท่า และ P/E ประมาณ 5.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมแม้บริษัทมี ROE สูงสุด สะท้อนโอกาสในการลงทุนระยะยาวสำหรับผู้ที่มองหาธุรกิจเติบโตในกลุ่ม Non-Bank ที่มีความชัดเจนทางกลยุทธ์และประสิทธิภาพการบริหาร