FIFA เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ลดระดับถ้วยเก่า ก่อนยกให้ เชลซี "แชมป์สโมสรโลกทีมแรก"
เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลโลก เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา (FIFA) ประกาศยกให้ เชลซี เป็น แชมป์ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ ทีมแรก อย่างเป็นทางการ หลังเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศศึกสโมสรโลกเวอร์ชันใหม่ เมื่อปี 2025 ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ฮีโร่ของเกมดังกล่าวคือ โคล พาลเมอร์ ที่ยิง 2 จ่าย 1 พา “สิงโตน้ำเงินคราม” ผงาดคว้าแชมป์ พร้อมรับเงินรางวัลมหาศาล และจารึกชื่อเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์โลกในระบบใหม่ของฟีฟา
ฟีฟ่าปรับสถานะ “อดีตแชมป์” เหลือแค่แชมป์อินเตอร์คอนติเนนตัล
นอกจากประกาศแชมป์ใหม่ ฟีฟายังสร้างความฮือฮาด้วยการปรับสถานะของทีมที่เคยคว้าแชมป์สโมสรโลกตั้งแต่อดีต ให้กลายเป็นเพียง “แชมป์ฟีฟา อินเตอร์คอนติเนนตัล” เท่านั้น
นั่นจึงทำให้สโมสรที่เคยคว้าแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา ต่างถูกจัดให้อยู่ในหมวดแชมป์ทวีป ไม่ใช่แชมป์โลกอีกต่อไป เช่นเดียวกับ เชลซี ที่เคยได้แชมป์นี้มาแล้วเช่นกัน
การแข่งขันสโมสรโลกเวอร์ชันเก่ามีจุดเริ่มต้นในปี 2000 และจัดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2005-2023 โดยมีทีมร่วมแข่งขันเพียง 6-8 ทีม ก่อนจะถูกยกระดับเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่แบบ 32 ทีมในปี 2025 ซึ่ง เชลซี คือผู้ชนะในเวอร์ชันใหม่นี้ ซึ่งทางฟีฟาระบุชัดเจนว่า "The first ever FIFA CWC Champions" หรือ แชมป์สโมสรโลกของฟีฟาทีมแรก**
ทำเนียบแชมป์ฟีฟา อินเตอร์คอนติเนนตัล (แชมป์ระดับทวีป เวอร์ชันเดิม)
- 2000: โครินเธียนส์ (บราซิล)
- 2005: เซา เปาโล (บราซิล)
- 2006: อินเตอร์นาซิอองนาล (บราซิล)
- 2007: เอซี มิลาน (อิตาลี)
- 2008: แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)
- 2009: บาร์เซโลนา (สเปน)
- 2010: อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
- 2011: บาร์เซโลนา (สเปน)
- 2012: โครินเธียนส์ (บราซิล)
- 2013: บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)
- 2014: เรอัล มาดริด (สเปน)
- 2015: บาร์เซโลนา (สเปน)
- 2016-2018: เรอัล มาดริด (สเปน)
- 2019: ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)
- 2020: บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)
- 2021: เชลซี (อังกฤษ)
- 2022: เรอัล มาดริด (สเปน)
- 2023: แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ)
ทำเนียบแชมป์ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ (แชมป์สโมสรโลก เวอร์ชันใหม่)
- 2025: เชลซี (อังกฤษ)