โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ปิดฉากทอล์กโชว์ดัง Stephen Colbert เงินไม่เข้า ช่องเอาใจทรัมป์ หรือทีวีตกยุค?

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"รายการทอล์กโชว์ยามดึก" หรือ "Late Show" เป็นหนึ่งในแม่เหล็กของรายการทีวีช่องใหญ่ระดับชาติของสหรัฐมาอย่างยาวนาน และเป็นหนึ่งในไม่กี่รายการที่ยังพอสามารถยื้อกระแสดิสรัปในยุค Youtube และ TikTok เอาไว้ได้

แต่ละโชว์ก็จะมี "พิธีกร" ที่เป็นหน้าตาของรายการ ส่วนใหญ่จะเป็นคอมมีเดียนหรือคนที่อยู่ในแวดวงขีดเขียน วิพากษ์วิจารณ์ หรือวงการบันเทิง โดยมีจุดเด่นที่การ "จิกกัด" วิพากษ์วิจารณ์สังคมและการเมืองอย่างเผ็ดร้อน พร้อมช่วงทอล์กโชว์พูดคุยกับแขกรับเชิญ พิธีกรส่วนใหญ่อยู่กันหลักสิบปีหรือจนกว่าจะเปลี่ยนยุค เช่น "สตีเฟน โคลแบร์" ที่รับไม้เลทโชว์ของช่อง CBS ต่อจากยุคของ "เดวิด เลตเตอร์แมน" หรือ "โคแนน โอไบรอัน" ที่รับไม้ต่อจาก "เจย์ เลโน" ทางช่อง NBC

หลังจากรีไทร์กันไปหลายต่อหลายคน ปัจจุบันพิธีกรทอล์กโชว์ยามดึกในสหรัฐที่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากที่สุดอาจกล่าวได้ว่าเหลืออยู่ 3 คน คือ สตีเฟน โคลแบร์, จิมมี คิมเมล และจิมมี ฟัลลอน

แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา วงการทีวีสหรัฐเพิ่งมีข่าวใหญ่ออกมาเมื่อสตีเฟน โคลแบร์ เปิดเผยในรายการว่า ช่อง CBS จะยุติรายการ "The Late Show with Stephen Colbert" ที่ดำเนินมานานถึงสิบปีลง โดยแถลงการณ์ของช่องระบุว่า จะยุติการออกอากาศรายการ ไม่ใช่การเปลี่ยนพิธีกรคนใหม่ มาทำหน้าที่แทน และจะออกอากาศไปจนถึงสิ้นสุดซีซันในกลางปีหน้าเดือน พ.ค. 2026

“การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องการเงินล้วน ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ที่ท้าทายที่วงการรายการช่วงดึกกำลังเผชิญอยู่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลงานของรายการ เนื้อหา หรือเรื่องอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นที่ Paramount แต่อย่างใด”

เหตุผลทางธุรกิจหรือเพราะเอาใจทรัมป์

ในยุคปัจจุบันที่ผู้ชมหันไปชมเนื้อหาผ่านสตรีมมิ่งแทนโทรทัศน์แบบดั้งเดิม ทำให้แม้แต่รายการทอล์กโชว์ยามดึกก็เผชิญตัวเลขผู้ชมที่ลดลงเช่นกัน จากยุคคนดูทีวีหลักสิบล้านก็ลดลงมาเหลือเลขหลักล้านตัวเดียว แต่ถึงอย่างนั้น รายการของสตีเฟน โคลแบร์ ก็ยังเป็นรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดเฉลี่ยเกือบ 2.5 ล้านคนในซีซันที่ผ่านมา (ไตรมาส 2) นำหน้ารายการคู่แข่งอย่าง “Jimmy Kimmel Live” ของช่อง ABC และ “The Tonight Show Starring Jimmy Fallon” ของช่อง NBC

รายงานข่าวบางสำนักชี้ว่า การยุบรายการดังที่เป็นขาประจำวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีขึ้นในช่วงเดียวกันกับที่บริษัทแม่ของ CBS อย่างParamount Global กำลังยื่นขออนุมัติจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) เพื่อควบรวมกิจการมูลค่า 8.4 พันล้านดอลลาร์กับบริษัท Skydance Media

นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคมนี้เอง Paramount เพิ่งจะตกลง "ยอมความ" ในคดีที่ทรัมป์ฟ้องร้องรายการดัง “60 Minutes” ของ CBS ออกอากาศบทสัมภาษณ์ "คามาลา แฮร์ริส" อดีตคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ซึ่งโคลแบร์เคยพูดเหน็บในรายการว่าเป็นเหมือนการเกี้ยเซี้ยติดสินบนก้อนโตกัน (big fat bribe) เพื่อขอให้รัฐไฟเขียวผ่านดีลควบรวม โดยที่ CBS ยอมจ่าย 16 ล้านดอลลาร์ เพื่อยอมความในคดีนี้

ทรัมป์ไล่ฟ้องสื่อยับ

นอกเหนือจากเหตุผลทางธุรกิจแล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองอีกด้วยเมื่อมองในแง่ของ "ไทม์มิง" หรือจังหวะเวลา

“จังหวะเวลาของเรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามมากมาย สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสื่อดั้งเดิมที่ออกอากาศทางโทรทัศน์” ร็อดนีย์ เบนสัน ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาสื่อ วัฒนธรรม และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวกับอัลจาซีราห์

ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวของทรัมป์ได้ดำเนินการไล่ฟ้ององค์กรข่าวและบริษัทแม่หลายแห่ง โดยกล่าวหาว่าเป็นการรายงานข่าวที่มีลักษณะลำเอียง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศว่าจะฟ้องร้อง The Wall Street Journal (WSJ) และบริษัทแม่ News Corp ของรูเพิร์ต เมอร์ด็อก ในข้อหารายงานข่าวที่เกี่ยวข้องของเขาในคดีอื้อฉาวการค้าประเวณีเด็กของ "เจฟฟรี เอปสตีน" อดีตนักธุรกิจคนดังที่กว้างขวางรู้จักกับหลายคนซึ่งรวมถึงทรัมป์ แต่ปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้วจากการฆ่าตัวตายในคุก ขณะที่สาธารณชนกำลังเรียกร้องให้ทรัมป์เปิดแฟ้มข้อมูลคดีนี้ตามที่เขาเคยให้สัญญาเอาไว้

ส่วนในเดือนธ.ค. 2024 ช่องข่าว ABC News ซึ่งมี "ดิสนีย์" เป็นเจ้าของ ก็ได้ยุติคดีหมิ่นประมาทด้วยการบริจาคเงิน 15 ล้านดอลลาร์ให้กับห้องสมุดของทรัมป์ และได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชนเกี่ยวกับความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องในการออกอากาศ นอกจากนี้ รัฐบาลทรัมป์ยังได้ตัดงบประมาณสื่อสาธารณะและการใช้คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสาร (FCC) เพื่อขู่เรื่องอนาคตการต่อใบอนุญาตของพวกเขาอีกด้วย

หมดยุครายการทีวี?

หากดูเหตุผลทางธุรกิจแล้ว แม้รายการของโคลแบร์จะมีผู้ชมมากที่สุดในกลุ่ม Late show เมื่อเทียบกับของจิมมี คิมเมล, จิมมี ฟัลลอน และจอน สจ๊วต แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันในเรื่องรายได้ที่ลดลงมาก โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่า "โปรดักชั่น" ที่สูงมาก

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดระบุว่า รายการของโคลแบร์ถ่ายทำที่ Ed Sullivan Theater ในนิวยอร์ก มีการใช้วงดนตรีสด จ้างคนในการผลิตมากถึงราว 200 คน และจ่ายเงินเดือนให้โคลแบร์ปีละ 20 ล้านดอลลาร์ ทำให้ปัจจุบันรายการขาดทุนอยู่ปีละประมาณ 40 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางรายได้จากการโฆษณาที่หายไปถึง 40% นับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา

แหล่งข่าวในบริษัทเปิดเผยว่า ต้นทุนการผลิตที่สูงลิ่ว โมเดลธุรกิจที่ย่ำแย่ และบริษัทแม่ที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ล้วนสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรง ทางสถานีได้ปรับลดงบประมาณรายการลงเมื่อปีที่แล้ว และรู้สึกว่าการขาดทุนนั้นมากเกินกว่าที่การตัดงบจะช่วยได้อย่างมีนัยสำคัญได้ ขณะที่ผู้ชมรุ่นใหม่ต่างพากันหนีจากรายการพวก Late show และทำให้โฆษณาจำนวนมากก็พากันหนีตามไปด้วย

ทั้งนี้ รายการทอล์กโชว์ยามดึกเป็นหนึ่งในรูปแบบรายการโทรทัศน์ที่คงอยู่ได้ยาวนานที่สุด ในช่วงพีกยุค 2000 ที่มีพิธีกรระดับตำนานอย่าง "จอห์นนี คาร์สัน" เคยดึงดูดผู้ชมได้เฉลี่ยมากถึงราว 20 ล้านคน เป็นยุคที่รายการทำเงินได้สูงและอิทธิพลทางวัฒนธรรมเป็นแรงผลักดันให้เกิดสงคราม Late show ระหว่างเดวิด เล็ตเตอร์แมนและเจย์ ลีโน ที่ฟาดฟันกันมาหลายสิบปีเพื่อแย่งเรตติ้งและการจองตัวนักแสดงที่กำลังดังให้มากออกรายการ ก่อนที่ "สตรีมมิ่ง" จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง และทำให้ทอล์กโชว์ยามดึกเป็นหนึ่งในรูปแบบรายการโทรทัศน์ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงมากที่สุดในฮอลลีวูด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'นักวิชาการ มธ.' จี้รัฐใช้ 4 กลไกระหว่างประเทศสู้เกม 'กัมพูชา'

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รัฐบาลประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

เลิกได้เลิก! ชา 2 ชนิด "ทำลาย" ตับอย่างเงียบๆ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหากดื่มบ่อยๆ

sanook.com

กต.แถลงประณามกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิด-ผิดอนุสัญญาฯ

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ไร้ปาฏิหาริย์ เจ้าชายนิทราซาอุฯ เสียชีวิตแล้ว หลังโคม่าจากอุบัติเหตุนาน 20 ปี

Thaiger

ไม่ใช่มันหมู! "ราชาคอเลสเตอรอล" อาหารที่หลายบ้านคุ้นเคย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้

sanook.com

บริษัทจีนคว้าสัญญาสร้าง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ในซาอุดีอาระเบีย

เดลินิวส์

สหรัฐเตรียมขึ้นค่าวีซ่าอีกอย่างน้อย 8,000 บาท คาดเริ่มใช้ 1 ต.ค. 2568

เดลินิวส์

‘จีน’ ควบคุม!! แม่น้ำพรหมบุตร ในรัฐอัสสัม ‘อินเดีย’ ถึงคราว!! หายใจติดเขื่อน

THE STATES TIMES

แฉเบื้องหลังโรงแรมผู้ลี้ภัย ถ่ายหนังโป๊ OnlyFans ชีวิตหรู หิ้ว Louis Vuitton

Thaiger

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...