สหรัฐฯ เกินดุลการคลังเดือนมิ.ย.กว่า 2.7 หมื่นล้านดอลล์ ฯ จากการขึ้นภาษีนำเข้า
สหรัฐฯ เกินดุลมากกว่าคาดในเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่กว่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ พลิกจากภาวะขาดดุล 3.16 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นการเกินดุลในเดือนมิถุนายนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560
11 มิ.ย. 2568 CNBC รายงานข่าวจากทางการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ภาวะการคลังของสหรัฐได้เกินดุลในเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่กว่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ พลิกจากภาวะขาดดุล 3.16 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นการเกินดุลในเดือนมิถุนายนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2560
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกินดุลคือการเก็บ ภาษีนำเข้า ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายรับจากภาษีนำเข้ารวมประมาณ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือนนี้ เพิ่มขึ้นจาก 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม และเพิ่มขึ้นถึง 301% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 รายรับจากภาษีนำเข้ารายปีรวมอยู่ที่ 1.13 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วถึง 86%
การเพิ่มขึ้นนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% ทั่วไปในเดือนเมษายน นอกเหนือจากภาษีที่เลือกเก็บอื่นๆ และภาษีตอบโต้ทางการค้ากับคู่ค้าต่างๆ
โดยรวมแล้ว รายรับในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 ขณะที่รายจ่ายลดลง 7% สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน รายรับเพิ่มขึ้น 7% และรายจ่ายเพิ่มขึ้น 6%
สถานะทางการคลังโดยรวม แม้จะเกินดุลในเดือนมิถุนายน แต่ยอดขาดดุลสะสมสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันยังคงสูงถึง 1.34 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับตามปฏิทินแล้ว ยอดขาดดุลกลับลดลง 1% ปีงบประมาณปัจจุบันจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน โดยเหลือเวลาอีกสามเดือน กระทรวงการคลังสหรัฐยังระบุด้วยว่า หากไม่มีการปรับตามปฏิทิน เดือนมิถุนายนจะมียอดขาดดุล 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของการปรับช่วงเวลา
ความท้าทายจากภาระหนี้
การเงินของรัฐบาลยังคงเผชิญกับความท้าทายจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังที่สูงอย่างต่อเนื่อง ดอกเบี้ยสุทธิจากหนี้สาธารณะ 36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ลดลงเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม แต่ก็ยังเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญรองจากประกันสังคมเท่านั้น สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ยอดดอกเบี้ยสุทธิรวมอยู่ที่ 7.49 แสนล้านดอลลาร์ และคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณเต็ม
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพื่อช่วยลดภาระทางการเงินจากการชำระหนี้ของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ตลาดยังไม่คาดการณ์ว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกจนกว่าจะถึงเดือนกันยายน และนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ภาษีนำอาจมีต่ออัตราเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายใช้จ่ายที่ทรัมป์เรียกว่า "ความสวยงามยิ่งใหญ่" (big beautiful) ซึ่งผ่านสภาคองเกรสเมื่อต้นเดือนนี้ คาดว่าจะเพิ่มหนี้สาธารณะประมาณ 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า ตามการคาดการณ์ของสำนักงานงบประมาณรัฐสภา (Congressional Budget Office) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ
อ้างอิง : cnbc.com