ปิดเกมส์! จับกุมทลายกลุ่มเครือข่ายฉ้อโกงภาษี มูลค่าเพิ่ม รวบ 127 ราย
บก.ปอศ. ร่วม กรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการปิดเกมส์กลโกงภาษี ทลายกลุ่มเครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม รัฐเสียหายกว่า 1000 ล้านบาท
วันนี้ (30 มิ.ย 68) เวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รองผบก.ปอศ. ว่าที่ พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2บก.ปอศ. และ พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. ร่วมกับ กรมสรรพากร โดย นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร น.ส.สลักจิต พงษ์ศิริจันทร์ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี นางสาวเอื้อมเดือน สุขะวัลลิ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง
แถลง เปิดปฏิบัติการปิดเกมส์กลโกงภาษี ทลายกลุ่มเครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้รัฐเสียหายกว่า 1000 ล้านบาท จับกุมเจ้าที่กร สรรพากร จำนวน 55 นาย รวมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น 127 นาย โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันออกไปกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกเอกสารดังกล่าวตามมาตรา 86/13 ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มหรือเอาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆโดยความเท็จโดยฉ้อโกงหรืออุบายโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกันและเจตนานำใบกำกับภาษีหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษีอันเป็นความผิดตามมาตรา 90/5 (3) (6) (7) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี ต่อ1 กรรมการ กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระซึ่งพบว่าการกระทำความผิดของผู้ต้องหาและมีจำนวนหลายกรรม ตรวจค้น ทั้งสิ้น 14 จุด จ.ตาก 11 จุด เชียงใหม่ 2 จุด กทม. 1 จุด
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. กล่าวว่า ด้วยกลุ่มสรรพากรได้ตรวจสอบพบการกระทำความผิดของผู้ประกอบการซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเครือข่ายฉ้อโกงภาษีรัฐ จึงประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลจึงทราบกลุ่มของผู้ต้องหาประกอบไปด้วยคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง พนักงานลูกจ้าง รวมถึงเพื่อนและคนรู้จัก ทำการจัดตั้งร้านค้าและบริษัทแล้วจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20 ) เป็นจำนวนกว่า 20 แห่งแล้วแสร้งทำทีว่า มีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเป็นทอดๆโดยไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริงๆโดยมีเจตนาสร้างภาพการซื้อขายเท็จเพื่อทำให้ราคาของสินค้าสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยจะมีการออกใบกำกับภาษีระหว่างร้านค้าและบริษัทในเครือข่ายของตนในลักษณะแบ่งกันไปมาเป็นทอดๆ จะทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นซึ่งจะทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% เพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยจนท้ายที่สุดจะใช้บริษัท เอส แอนด์ เอ็ม บราเธอร์ฮู้ด โดยมีนายสำราญ เป็นกรรมการ ซึ่งจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการส่งออกทำการซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในกลุ่มเครือข่ายทอดสุดท้าย ซึ่งสินค้าจะมีราคาที่สูงเกินจริง และภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
สินค้าที่กลุ่มของผู้ต้องหาได้ทำการส่งออกเป็นสินค้าประเภทกลุ่มเครื่องอุปโภคบริโภคจะไม่มีการคิดอัตราอากรขาออกซึ่งจะเท่ากับว่าผู้ประกอบการส่งออกจะไม่มีการเสียภาษีศุลกากรขาออกและจะถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มโดยทางกรมสรรพากรจะให้สิทธิกลุ่มผู้ประกันส่งออกเหล่านี้สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามยอดภาษีซื้อ ในแต่ละเดือนได้จึงเป็นช่องทางที่กลุ่มเครือข่ายของผู้ต้องหา สร้างการซื้อขายปลอมเพื่อทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นจริงเพื่อมาใช้ในการขอคืนภาษีหลังจากสร้างภาพการส่งออกเพื่อให้ได้เงินภาษีที่ขอคืนจากกรมสรรพากรในจำนวนที่สูง
จากห้วงระยะเวลาปีพ.ศ. 2564 - 2565 พบว่ากลุ่มเครือข่ายของผู้ต้องหาได้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรเป็นจำนวนเงินกว่า 150 ล้านบาทและจากการประเมินภาษีพบว่ามีมูลค่าความเสียหายจากการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งเครือข่ายเป็นจำนวนเงินกว่า 1000 ล้านบาท เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ดำเนินการตรวจสอบรวบรวมจากหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำนวน 10 ราย
และได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นเพื่อเข้าทำการตรวจค้นสถานประกอบกิจการของกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอีก 14 จุด ตลอดระยะเวลาการเข้าตรวจค้นจับกลุ่มผลการปฏิบัติการเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ครบถ้วนทั้ง 10 รายและตรวจยึดของกลางเพื่อเป็นพยานหลักฐาน อุปกรณ์ในการใช้ในการกระทำความผิดและเอกสารจำนวน 100,000 ฉบับ สอบถามคำให้การเบื้องต้นผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพและบางรายให้การปฏิเสธจากนั้นจึงได้นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews