ชิน-ลิลลี่ อยากอุ้มลูกร่วมงานแต่ง ฟาดคนดราม่าคลิปภรรยาร้องไห้บนเครื่องบิน
ชิน ชินวุฒิ และ ลิลลี่ ภัณฑิลา ควงคู่อัปเดตความหวานหลังจดทะเบียนสมรส เผยเรือนหอใกล้เสร็จแล้ว ประกาศพร้อมมีลูกทันทีหลังแต่ง พร้อมเคลียร์ปมดราม่าหลังชาวเน็ตคอมเมนต์ร้องไห้ถ่ายคอนเทนต์เครื่องบินตกหลุมอากาศ ย้ำ! อย่ามาล้ำเส้นกัน ชินพร้อมออกโรงปกป้องภรรยา ผ่านทางรายการ "คุยแซ่บ show" ช่อง One31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา, ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ ซินแสเป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
คบกันมากี่ปีก่อนตัดสินใจจดทะเบียนสมรส?
ชิน : ประมาณ 10 ปี
ลิลลี่ : ครบรอบ Anniversaries 10 ปีพอดี
ถึงจะ 10 ปีก็จริงแต่คู่นี้เติมความหวานให้เห็นตลอดในโลกโซเชียล?
ชิน : จริงๆ ก็ไม่รู้สึกเปลี่ยนขนาดนั้น หมายถึงว่าตลอด 10 ปีที่คบกันมาเป็นแบบนี้มาตลอด
หวานปกติ?
ลิลลี่ : มันก็มีขมบ้างพี่ ไม่ได้หวานแบบนี้ตลอดเวลา
ชิน : มีน้อยๆๆ มันก็มีช่วง แต่หลังจากนั้นเราก็ปรับความเข้าใจกันแล้วมันก็กลับมาดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เล่าโมเมนต์ตอนชวนกันไปจดทะเบียนสมรสให้ฟังหน่อย?
ชิน : จริงๆ เราคิดกันไว้อยู่แล้ว คือการที่เราจะแต่งงานเป็นแพลนไว้อยู่แล้ว แต่ลี่แค่รอว่าเมื่อไรจะขอสักทีวะอะไรอย่างนี้ แล้วพอขอจริงๆ แล้วมันก็เป็นสเตปของมัน พอขอเสร็จปุ๊บเราก็คุยกันว่าเราจดกันเลยนะ
ลิลลี่ : เพราะว่าเราจะย้ายเข้าบ้าน คือปีนี้เราแพลนจะย้ายเข้าบ้าน ซึ่งเราจดกันเมื่อปีที่แล้วใช่ไหมคะ แล้วลี่บอกว่า “ไม่ เราต้องเดือนนี้นะ” เพราะลี่ไปดูหมอดูดวงมา
ชิน : มีฤกษ์ๆ ในการจด
จริง ๆ วันที่ขอก็จะจดทะเบียนแหละ แต่ลี่บอก No No No?
ลิลลี่ : เขาบอกว่าต้องเป็นช่วงนี้นะ แล้วคือเดือนนั้นมีแต่วันเดียวเท่านั้นที่เป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด มันกะทันหันมากๆ แต่สุดท้ายก็ทำได้
แล้วในความรู้สึกที่จดรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ชิน : จริงๆ วันนั้นที่ไปมีแค่เรา
ลิลลี่ : แค่ครอบครัวค่ะ ด้วยความที่ว่าเรายังไม่บอกทุกคน เพื่อนก็ไม่รู้ เพื่อนเซอร์ไพรส์มากเหมือนกัน หนูแค่บอกครอบครัวเพื่อให้เขามาเป็นสักขีพยาน
ชิน : มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะ เรารู้สึกว่าเราเป็น Formal จริงๆ แล้ว
เขาบอกว่าวินาทีที่จรดปากกามันจะมีความรู้สึกบางอย่างเวลาเราดูในซีรีส์ ชีวิตจริงเป็นอย่างไร?
ลิลลี่ : ตอนหนูจะเซ็นหนูรู้สึกว่า “ของจริงละ มันจะเริ่มละ” คิดอยู่ในใจแล้วก็ร้องไห้ คือหนูรู้สึกว่าอันนี้มันเรียลมากกว่าตอนที่เขาขอ ตอนขอหนูจำอะไรไม่ได้เลย
ชินเป็นฝ่ายร้องไห้?
ชิน : นี่คือผม วันขอเละเทะเลย แต่วันจดก็เป็นฟีลเดียวกับลี่ เราเป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วนะ
หลังจากจดมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม?
ลิลลี่ : หนูว่ามี
ชิน : ลี่มีความเป็นภรรยามากขึ้นมากๆ เลยครับ กระโดดขึ้นมากๆ เลยครับ
ลิลลี่ : เหรอ หนูว่า ไม่ ไม่นะ เหรอ คือหนูแค่รู้สึกว่าหลังจดค่ะ เหมือนเราสองคนยังทำตัวไม่ถูก ยังงงๆ ค่ะ หลายคนบอกว่าหลังแต่งงานไปจะหวานสวีตมากเลย แต่หนูมาได้รู้สึกแบบนั้น ณ ตอนโมเมนต์แรกๆ มันมีความตึงๆ กันด้วย
ชิน : มันเป็นความงง
ลิลลี่ : หนูเลยถามเพื่อนว่ามันปกติไหมที่คนเป็นกันแบบนี้
ทำไมต้องงงด้วยล่ะ?
ลิลลี่ : หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะปรับตัวไม่ทันมั้งคะ
ชิน : ผมว่าคิดเยอะ
คิดอะไรกันอยู่?
ชิน : ตอนเราเป็นแฟนกัน ไม่รู้นะในความรู้สึกของผมตอนเราเป็นแฟนกันมันจะมีความ Flexible (ยืดหยุ่น) บางอย่างกว่าตอนเราเป็นสามีภรรยา ในความคิด เหมือนเวลาเราคิดจะทำอะไร เราอาจจะไม่ได้คิดถึงความคู่ทั้งหมด มันอาจจะคิดถึงความเดี่ยวของแต่ละคน แต่พอเป็นสามีภรรยาทุกๆ 99% มันเป็นทุกอย่างที่เราคิด มันเป็นเอฟเฟกต์เราทั้งคู่จริงๆ 100%
ประมาณว่าพลาดไม่ได้แล้วนะ ต้องเต็มที่หรืออะไรก็ตามที่มีความขลังเกิดขึ้น?
ชิน : ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราเต็มที่ใน Relationship มากันอยู่แล้ว แต่ผมว่ามันเป็นความกระตุกอีกรอบหนึ่งว่าแบบ มึงๆ นี่คือคู่แล้วนะ มันไม่ใช่เดี่ยวบวกเดี่ยวแล้วนะ แต่มันคือรวมเป็นหนึ่งแล้วนะ อะไรประมาณนี้มากกว่า ช่วงแรกเลยยังงงๆ ปรับตัวเบลอๆ
เรียกกันว่าสามีขา ภรรยาครับ มีไหม?
ชิน : ตอนแรกเขินมากการที่เรียกเขาว่าภรรยา
ลิลลี่ : เขาจะ wifey อะไรของเขา
ชิน : ผมจะเรียกเขาว่า wifey
มันคืออะไร wifey?
ชิน : มันก็คือ wife นั่นแหละครับ แต่มันน่ารักขึ้น แล้วก็แบบเขินๆ ก่อนตอนแรก แบบเธอเป็นภรรยาเราแล้วนะ ลี่ก็น่าจะเขินตอนแรก ผมจำได้ตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น
ลิลลี่ : แล้วเขาก็พูด “Ask my wife” หนูก็แบบ “หึ้ยย อะไรนะ” อะไรแบบนี้
ชิน : ตอนไปญี่ปุ่นไปช็อปปิ้งไปซื้อของ มีพนักงานมาแล้วเหมือนผมหลุดพูดว่า “Ask my wife” และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพูดอย่างนี้กับคนอื่น แล้วผมก็ “นี่กูพูดกับคนอื่นว่าถามภรรยา” แล้วมันยิ่งจริงเข้าไปใหญ่ ถ้า “Ask my girl” มันก็เบสิก แต่พอ “Ask my wife” มันเป็นแบบเออ เขาเป็นภรรยาเราแล้ว นี่ก็เขิน
เรียกให้ดูหน่อยได้ไหมคะ?
ชิน : ทุกวันนี้เรียกปกติแล้ว ภรรยา
ลิลลี่ : (เขิน)
ชิน : ปกติแล้ว
ปกติก่อนหน้านี้เรียกว่าอะไร?
ชิน : ก็เบ้บ
ลิลลี่ : เบ้บ ที่รักอะไรแบบนี้
แล้วทุกวันนี้เปลี่ยนเป็นว่า?
ชิน : ภรรยาครับ ยังเรียกที่รักอยู่ แต่หมายถึงว่าเวลาแนะนำกับคนอื่นเมื่อก่อนจะแนะนำว่านี่คือแฟน แต่ตอนนี้แนะนำว่านี่คือภรรยา
ลิลลี่ : แต่หนูก็ยังไม่ได้แนะนำ…
ชิน : อ้าวๆๆ
ลิลลี่ : ไม่ใช่ ๆ หนูก็แนะนำแต่หนูเขิน หนูไม่ได้ไปพูดว่านี่คือสามีนะ หนูจะพูดว่า นี่สาลี่เองค่ะ แค่เนี้ย
วินาทีนี้ช่วยแนะนำสามี?
ลิลลี่ : สา สามีค่ะ
แพลนงานแต่งไปถึงไหนแล้ว?
ลิลลี่ : ปีหน้าค่ะ Definitely ก็คือปีหน้า แต่ Exactly วันก็ยังไม่ได้แน่ชัดขนาดนั้น
ดูฤกษ์หรือยัง?
ลิลลี่ : ฤกษ์ยังไม่ได้ดู คือตอนนี้หนูอยากย้ายเข้าบ้านให้เสร็จสมบูรณ์ไปก่อน อันนี้เสร็จปุ๊บ Next thing ก็มา
ชิน : เพราะว่าจริงๆ บ้านก็ใกล้แล้วครับ เราทำกันมาปีกว่า
อีกกี่ %?
ชิน : ประมาณ 20% คือโครงสร้างอะไรที่เราต่อเติมเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เรากำลังลุยงานอินทีเรีย แล้วเดี๋ยวไปจบที่เฟอร์นิเจอร์กับ Garden ก็เป็นสเตปไปใกล้มากแล้วครับ
ประมาณกี่เดือน?
ชิน : ผมว่าน่าจะ 2-3 เดือน ไม่เกิน 3 แน่ๆ Max สุดคือ 3
เห็นว่าทั้งคู่งานแต่งวันที่ยังไม่ลงตัวเพราะงานเยอะ ลี่ตอนนี้พี่เป็นคนหนึ่งที่ซื้อน้ำพริกมาทาน?
ลิลลี่ : จริงเหรอคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
เห็นบอกขายดีมาก ต้องพรีออเดอร์?
ลิลลี่ : ค่ะ ก็มันเป็นสิ่งที่ Unexpected ว่าอยู่ดีๆ เราจะขายแล้วจริงๆ เหรอ แบบหนูชอบลงคอนเทนต์กินอาหารบ้านคุณยาย กินอาหารพม่า พอมี Demand ว่าเมื่อไรจะทำๆ เราก็แบบ Why not? แล้วจุดเริ่มต้นคือตี 4 คุยกับเขา (ชิน) เพราะนอนไม่หลับแบบเรื่องนี้มันอยู่ในหัว เราก็แบบ เธอเอาไงดีวะ ขายดีไหม หรือยังไงดี เขาก็แบบเอาจุดเด่นของเธอมาขยายต่อสิ ทำไมไม่ลองดู ก็จนเกิดมาเป็นยายลี่
ส่วนชินก็มีถ่ายซีรีส์?
ชิน : ก็มีถ่ายเพิ่งเปิดกล้องซีรีส์ แล้วก็มีภาพยนตร์ 2 เรื่องที่กำลังจะเริ่มถ่ายด้วย จริงๆ มีมาช่วยธุรกิจลี่ที่กำลังขยายด้วย
วางแพลนธีมงานแต่งไว้หรือยัง?
ลิลลี่ : เราก็ส่งให้กันตลอดเนอะ
ชิน : มีการคุยกันคร่าวๆ แล้วพอเจอในฟีดโซเชียลมีเดียเราก็ แบบนี้ดีไหม
Tomorrow land ไปเลยเพื่อนเยอะ?
ชิน : อันนี้ก็เกิน เอาดีๆ นี่คืออีกสิ่งที่ผมกังวลที่สุด เพราะว่างานแต่งเรื่องหนึ่ง แต่ตัว after party อีกเรื่องหนึ่ง เราอยู่ในวงการบันเทิงมานานด้วย เรามีเพื่อน น้อง พี่ ที่เป็นศิลปินดารา ตัวดีๆ ตัวท็อปในวงการทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็คือคุยกันไว้อยู่แล้ว งานแต่งเป็นยังไงไม่รู้แต่ว่า After party จะต้องมีให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ
อยากให้ชินดีลกับโรงแรมเอาไว้ให้ดีนะ หาโรงแรมที่สนิทกันด้วย เพราะอะไรพังพินาศจะได้คุยกันได้?
ลิลลี่ : จริงๆ เขาอยากไปทะเลมาก
ชิน : งานแต่งเราอยากได้แบบ cozy เป็นครอบครัว friends and family จริงๆ ที่แบบโอเคเป็นคนสนิทมากๆ แต่แน่นอนแบบพี่เป๊กกี้พูด ตัว After party ถึงให้จัดงานแต่งที ตจว. After party ก็ต้อง กทม. อยู่แล้ว
ถึง After party ตจว.ก็มั่นใจว่าคนจะหลั่งไหลไป?
ชิน : จริงๆ ทุกคนที่เจอในวันนี้ถามหมดแล้ว งานแต่งเมื่อไรมึง
ลิลลี่ : จริง
หลังแต่งงานพร้อมมีลูกเลยใช่ไหม?
ลิลลี่ : ตอนแรกๆ ลี่อยากมีเลย แต่หลังๆ เราทำงานกันก่อนไหม คือนี่บ้างานมาก ลี่ก็แบบว่าตอนนี้เรามีแรง มีกำลังทำทุกอย่าง อยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด อยากจะ set ฐานให้มันมั่นคงก่อน แต่นี่ (ชิน) บอกว่าอยากมีเลย คือหนูหลงหลานตัวเองมากใช่ไหมคะ พอพี่ชินไปเจอเอวา เด็กคนนี้ทำให้เราอยากมีลูก
ชิน : เอวาคือลูกของพี่สาวลี่
ลิลลี่ : พอไปเจอเอวากลับบ้าน พี่ชินเดินมาหาหนู มา! พร้อมแล้ว หนูก็เฮ้ย อะไรวะเนี้ย (หัวเราะ)
สรุปก็คืออยากมีเลย วางแพลนไว้ว่าหญิงหรือชาย?
ชิน : จริงๆ ส่วนตัวเราทั้งคู่อะไรก็ได้หมด แล้วแต่น้องจะมา คืออยากให้เป็นธรรมชาติทั้งคู่ คือเรารักเด็กทั้งคู่ ไม่ได้มายด์ว่าเป็นลูกสาวก่อนหรือชายก่อน ขอให้ healthy ครบ สุขภาพแข็งแรง ผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนสบายใจที่สุดแล้ว
มีแพลนจะจัดงานก่อนหรือมีลูกก่อน เอาลูกไปร่วมงานก็น่ารัก?
ลิลลี่ : หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
ชิน : มันเป็นภาพที่ผมคิด ท้อง หรือว่าอุ้มไปก็เป็นภาพที่น่ารักเหมือนกัน You know what? Whatever comes อะไรที่มันเกิดขึ้น เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นคือธรรมชาติ
ครอบครัวกดดันเรื่องการมีลูกไหม?
ลิลลี่ : ไม่มีเลยนะคะ แต่คุณตาคุณยายก็มีบ้างที่ แก่ขึ้นทุกวันแล้วนะ อยากจะรีบเห็นเบบี๋ของเราทั้งสองคน แต่เขาก็เข้าใจว่าช่วงนี้เป็นช่วงกอบโกย เพราะเราอยู่ในวัยทำงาน
ชิน : ครอบครัวลี่พี่สาวมีลูกแล้ว 2 คนก็ยังมีหลาน ฝั่งของผมจริงๆ แม่ก็อยากอุ้มหลานแต่ไม่ได้ pressure ครอบครัวลี่ครอบครัวผมคล้ายกันคือเอายูสองคน มันเป็นชีวิตของยูสองคน ดูแพลนของยูเลย ยูสร้างแฟมิลี่ของยูเองละ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของระหว่างเราสองคนว่าอยากแพลนชีวิตยังไง
มีแพลนไหมว่าเราจะเป็นคุณพ่อคุณแม่สไตล์ไหน?
ลิลลี่ : เราคุยกันตลอด หนูไม่อยากเลี้ยงลูกตีกรอบเกินไป อยากเลี้ยงเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ปล่อยเขาไปสัมผัสทุกอย่าง ไม่อยากให้เป็นนกน้อยในกรง ห้ามนู้นห้ามนี่ห้ามนั่นจนเด็กเสีย Confidence
ชิน : สำหรับผมเติบโตมาหลายแบบ ฝั่งพ่อคุณย่าค่อนข้าง stressed แต่ฝั่งคุณแม่จะ free spirit เราพูดไม่ได้เพราะเราเป็นพ่อแม่ที่อยากจะซัพพอร์ต เราคอยระมัดระวังให้เฉยๆ
เรามองพ่อแม่อีกคู่ที่เลี้ยงลูกได้มันมากก็คือกายกับฮารุ เรามองยูมีสิทธิ์เป็นแบบนั้น?
ชิน : ส่วนตัวผม ผมคิดว่าเป็นพ่อที่สนุก หมายถึงเป็นพ่อที่ลุยกิจกรรมสนุก ส่วนนี่ผมว่าเป็นแม่ที่ไม่ดุแต่น่าจะสปอยล์ลูกเพราะลี่สปอยล์หลานหนักมาก ผมน่าจะห้ามลี่ไม่ให้สปอยล์ลูก
เห็นว่าทั้งคู่ตกลงกันว่าใน 1 อาทิตย์ต้องมีวันครอบครัว?
ลิลลี่ : เพราะเขางอนบ่อย
ชิน : คือลี่เป็นคนที่ตื่นเช้ามาทำงานเลย ก่อนนอนก็ทำงาน เขาเป็นคนแบบนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรักในตัวเขา สำหรับผมผู้หญิงที่เก่งคือผู้หญิงที่เซ็กซี่ มันดูดีจังเลยที่ผู้หญิงคนนึงตั้งใจทำงานลุยแล้วก็รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร Confidence แต่ในเวลาเดียวกันผมบอกลี่เสมอว่าเธอต้องพักด้วย เธอต้องมีเวลาพักสมองด้วย ขอ 1 วันเพราะที่เหลือเธอแทบไม่มีเวลาให้กันแล้วนะ ขอ 1 วันขอสักหนึ่งวันที่ไม่คิดเรื่องงานไม่ต้องคิดอะไรเลยได้ไหม ผมเลยตั้งกฎนี้ขึ้นมา
คุณภรรยารู้ตัวไหมว่าเราไม่ให้เวลาเขาเลย?
ลิลลี่ : รู้ค่ะ (หัวเราะ) เราเข้าใจ 100% เข้าใจทุกอย่างเลย เหมือนเวลาเขาเปิดหนังดูแล้วเรา (ทำท่าคุยโทรศัพท์) แบบนี้ตลอด เขาก็แบบเหมือนดูคนเดียว ปกติพี่ชินไม่งี่เง่า ไม่ประชด ไม่อะไรเลย พอเขาพูดแบบนี้แสดงว่าเขารู้สึก เพราะปกติเขาไม่หยุมหยิมอะไรเลย แต่เราก็ต้องทำ สุดท้ายแล้วเราเคลียร์กัน section ใหญ่เลย นางดูหงอยไปเลย ลี่ก็แบบอุ๊ย ตายแล้ว
เหตุการณ์ที่เป็นดราม่า เกิดอะไรขึ้น?
ลิลลี่ : เราขึ้นเครื่องไปขอนแก่นแล้วฝนตกหนักมาก พายุเข้า แล้วเครื่องขึ้นเร็วมาก ประมาณ 10 นาที หนูเริ่มจับผู้ช่วยว่าเฮ้ย ฟาสเปลี่ยนเนี่ยเขาไปแข่งกับใคร ทำไมมันเร็วขนาดนี้ สักพักประมาณ 15 นาทีก็เริ่มแล้ว สั่นเลย สักพักว้าย ไม่รู้จริงๆ ว่าตกหลุมอากาศหรือเปล่า แต่ตลอดระยะเวลา 45 นาที ตอนนั้นหนูคิดว่าเราน่าจะคุมสติตัวเองไม่อยู่แล้ว ลี่เคยเกิดอุบัติเหตุรถชนมาก่อน รถชนค่อนข้างรุนแรง อะไรที่เสียงดัง หนูจะเอฟเฟกต์แรงกว่าคนอื่น แพนิกเร็วกว่าคนอื่นในสถานการณ์แบบนี้
จังหวะที่รู้สึกว่ากูตายแน่เลย คนข้างหน้าตัวลอย หนูก็ตัวลอยเลย ก็คิดว่าไม่ปลอดภัยแล้ว พอลงมา ผู้ช่วยถามว่าอยากเห็นตัวเองมั้ย พี่ลี่ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ผู้ช่วยแอบถ่ายไว้ ผู้ช่วยทั้งสองคนก็กลัวเหมือนกัน แต่เห็นเป็นเราหนักมาก เขาไม่เคยเห็นลี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้มาก่อน เขาเลยเฮ้ย อยากเอาให้เราเห็นว่าเป็นยังไง หนูรู้สึกว่าเราอยู่ในภาวะที่เราควบคุมตัวเองไม่ได้ และอยู่ในภาวะที่ไม่ปลอดภัย มีคลิปนึงผู้โดยสารคนนึงอยู่ข้างหลัง เขาก็ถ่ายเหมือนกัน แล้วเขาเป็นหนักมาก
ชิน : ตอนแรกผมไม่รู้ ตอนลงเครื่องมา ลี่คุยกับผมปกติ ไม่ได้มีอาการค้างขนาดนั้น มีรุ่นพี่ไลน์มาหาผมว่าลี่บินไปขอนแก่นหรือเปล่า ไฟลต์น่ากลัวมาก รุ่นพี่ผมเป็นผู้ชาย เขาบินไฟลต์นั้นด้วย เขาบอกตลอด 45 นาที ไม่มีพักเลย
ลิลลี่ : มันสั่นจนวินาทีสุดท้าย
ชิน : ก็น่าจะหนักมากแล้วแหละ เขาส่งคลิปมาให้เราดูก่อน
ลิลลี่ : ตอนนั้นหน้าแม่หนูขึ้นมาก่อนคนแรกเลย ไม่ได้บอกลาหม่ามี้และครอบครัวเลย ทีมงานฉันล่ะ ธุรกิจฉันล่ะ โอ้โห ฉันมีอะไรให้ทำอีกเยอะ แต่ก็ไม่ๆ แกรอด จังหวะที่คิดว่ารอด ร้องไห้อยู่นะ
วินาทีตัดสินใจลงคลิป แล้วเป็นดราม่า ชาวเน็ตแซะ?
ลิลลี่ : เราอยากแชร์เป็นอุทาหรณ์ ลี่รู้แหละว่าลี่อาจควบคุมสติได้ไม่ดีในสถานการณ์นี้ บางคนดูก็อาจเอาเป็นตัวอย่างได้ว่ากูต้องควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้นะ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตีความว่าไปเอาคอนเทนต์ ซึ่งหนูแค่รู้สึกว่าไม่เกี่ยวอะไรเลย คนเราไม่เอาความเป็นความตายมาเป็นคอนเทนต์อยู่แล้ว
ข้อความแซะหนักสุด?
ลิลลี่ : ข้อความเป็นหมื่นๆ คอมเมนต์จากทุกช่องทาง คอมเมนต์ดีๆ ก็มี แต่มีคอมเมนต์ว่าปลอม คอนเทนต์ ถ่ายทำไม มีคนเมนต์ว่าเห็นมั้ยมือเขาไม่ได้ถ่าย หรือบางคนเริ่มแตะเชื้อชาติ เพราะเราเป็นลูกครึ่งพม่า เขาก็บอกว่าไอ้พม่าพวกนี้ไม่เคยขึ้นเครื่องเดี๋ยวซื้อตั๋วให้ หนูอ่านแล้วแบบ…
อะไรทำให้ชินทนไม่ไหว ถึงออกมาฟาด?
ชิน : คนที่เมนต์ว่าปลอม เป็นตัวซวยที่โดน (หัวเราะ) แต่คือคอมเมนต์อื่นๆ ก็บิวต์เรามาระดับนึงแล้ว เราแค่รู้สึกว่าคนมันไม่รู้แล้วยังจะพูด ถ้าพูดตรงๆ คือคุณไม่ได้มีสติปัญญา ถ้ารู้แล้วพูดเรื่องนึงแต่ไม่รู้แล้วพูด สำหรับผม ผมรู้สึกว่าหนึ่ง อาจเป็นพื้นที่พับบลิกนะ ทุกคนมีสิทธิ์คอมเมนต์ มีสิทธิ์จะพูด ใช่ครับ เช่นเดียวกับเขามีสิทธิ์ลงคลิปอะไรก็ได้ ถูกต้องมั้ยครับ ถ้าคุณมีสิทธิ์ด่าภรรยาผม ผมก็มีสิทธิ์ด่าคุณกลับเหมือนกัน ผมคิดแค่นั้นเลย ถ้าจะมาแบบนี้ผมก็ไปเวย์นี้ได้ ปกติผมไม่ค่อยคอมเมนต์อะไรพวกนี้ แต่วันนั้นผมรู้สึกว่ามันเกินไปแล้ว
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath