“สม รังสี” แฉ! “ฮุน เซน” โกรธเกรี้ยวไทย เหตุตัดช่องทางรายได้ผิดกฎหมาย
สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ออกแถลงการณ์ตอบโต้ท่าทีแข็งกร้าวของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยระบุว่าการแสดงออกดังกล่าวไม่ใช่ผลจากความรักชาติอย่างแท้จริง แต่เป็นปฏิกิริยาที่มีมูลเหตุจากความหวาดกลัวทางการเมืองและส่วนตัว อันเนื่องมาจากความเป็นไปได้ที่โครงสร้างอำนาจซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติจะถูกทำลายลง
ในแถลงการณ์ระบุว่า ความโกรธเกรี้ยวของฮุน เซนที่มีต่อไทย มิได้มาจากความภูมิใจในชาติ หากแต่สะท้อนถึงแรงกดดันจากการที่ประเทศไทยเร่งปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรจีนที่ดำเนินการหลอกลวงทางไซเบอร์ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ผิดกฎหมายสำคัญที่หล่อเลี้ยงอำนาจของรัฐบาลพนมเปญ และเชื่อว่ามีบุคคลใกล้ชิดรวมถึงครอบครัวของฮุน เซนมีเอี่ยวในขบวนการ
สม รังสี ระบุว่า รายได้จากกิจกรรมฉ้อโกงออนไลน์เหล่านี้มีมูลค่าสูงถึง 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือเกือบครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกัมพูชา โดยรัฐบาลพึ่งพารายได้จากกิจกรรมดังกล่าวมากขึ้น หลังจากแหล่งรายได้ดั้งเดิมอย่างการตัดไม้ทำลายป่าและสัมปทานที่ดินหมดไปจากการทุจริตเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อมานาน
เมื่อไทยเริ่มปราบปรามเครือข่ายดังกล่าวอย่างจริงจัง ทำให้ฮุน เซนต้องงัดไม้ตายใช้วาทกรรมชาตินิยม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประชาชนภายในประเทศ และรักษาการสนับสนุนทางการเมือง กลยุทธ์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยถูกนำมาใช้แล้วในเหตุการณ์ปี 2003 ที่ปลุกกระแสต่อต้านไทยจากข่าวลือปลอม จนนำไปสู่การจลาจลในกรุงพนมเปญ รวมถึงกรณีข้อพิพาทที่วิหารพระวิหารในปี 2011
แถลงการณ์ยังชี้ว่า ฮุน เซนแสดงพฤติกรรมเลือกปฏิบัติ โดยโจมตีไทยอย่างเปิดเผย แต่กลับนิ่งเฉยต่อข้อพิพาทชายแดนกับเวียดนาม ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของกัมพูชามาอย่างยาวนาน ทั้งที่ประเด็นนี้ยังสร้างความกังวลในหมู่ประชาชนกัมพูชาอย่างกว้างขวาง
ท้ายที่สุด สม รังสี ระบุว่า การตอบโต้ของฮุน เซนมิใช่เรื่องของการปกป้องอธิปไตย หากเป็นการปกป้องผลประโยชน์จากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ค้ำจุนอำนาจของเขา พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกสนับสนุนความพยายามของไทยในการรื้อถอนโครงสร้างอาชญากรรมเหล่านี้ แม้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพนมเปญก็ตาม