คุณเคยได้ยินไหม อย่าคบลูกหลานพระยาละแวก เจาะลึกที่มาคำเตือนคนทรยศ
คุณเคยได้ยินไหม? อย่าคบลูกหลานพระยาละแวก เจาะลึกที่มาคำเตือนคนทรยศในประวัติศาสตร์ไทย
เจาะลึกปริศนา คุณเคยได้ยินสำนวนที่ว่า "อย่าไปคบลูกหลานพระยาละแวก" ไหม? วลีนี้อาจฟังดูแปลกหูในยุคปัจจุบัน แต่อันที่จริงแล้วมันคือ คำเตือนทางประวัติศาสตร์ ที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยมานานหลายศตวรรษ เพื่อบอกให้ระวังคนที่ไม่น่าไว้วางใจ หรือที่แย่กว่านั้นคือ คนทรยศหักหลัง แต่ใครคือ "พระยาละแวก" คนนี้ และเหตุใดชื่อของเขาจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการไม่น่าคบหา? มาทำความรู้จักกับเบื้องลึกเบื้องหลังของวลีนี้กัน
"พระยาละแวก" คือใครในหน้าประวัติศาสตร์?
พระยาละแวก ที่ถูกกล่าวถึงในสำนวนนี้คือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หรือที่คนไทยรู้จักในพระนาม นักพระสัตถา (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2115 - 2137) ท่านทรงเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งในขณะนั้นมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่ เมืองละแวก (ปัจจุบันคือเมืองอุดงค์ในประเทศกัมพูชา) ทำให้คนไทยเรียกขานพระองค์ว่า "พระยาละแวก" ตามชื่อเมืองหลวงของพระองค์
ยุคสมัยที่พระยาละแวกเรืองอำนาจตรงกับช่วงเวลาที่อาณาจักรอยุธยาเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ คือการเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่าครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2112 และอยู่ในช่วงที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กำลังทรงกอบกู้เอกราชของชาติ
สาเหตุที่มาของคำเตือน ความขัดแย้งที่ไม่น่าให้อภัย
ที่มาของสำนวน "อย่าไปคบลูกหลานพระยาละแวก" มีรากฐานมาจากพฤติกรรมของพระยาละแวกในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยาและกัมพูชาตกต่ำถึงขีดสุด โดยเฉพาะการกระทำที่ถูกมองว่าเป็นการ ฉวยโอกาสและหักหลัง ในยามที่อยุธยาอ่อนแอ
การรุกรานซ้ำเติมในยามคับขัน: หลังจากกรุงศรีอยุธยาตกเป็นประเทศราชของพม่าและกำลังประสบปัญหาภายใน พระยาละแวกได้ฉวยโอกาสยกทัพเข้ามารุกรานหัวเมืองชายแดนของอยุธยาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเมืองนครราชสีมา, นครนายก, หรือปราจีนบุรี การกระทำเช่นนี้ถูกมองว่าเป็นการ ซ้ำเติม และใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเพื่อนบ้าน แทนที่จะแสดงความเห็นใจหรือความเป็นมิตร
การไม่ช่วยเหลือในยามสงครามใหญ่: ในช่วงที่สมเด็จพระนเรศวรกำลังทรงกอบกู้เอกราชและต้องทำศึกกับพม่าอย่างต่อเนื่อง กัมพูชาไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ หรือแม้แต่แสดงท่าทีเป็นมิตร กลับเลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามและยังคงก่อกวนชายแดนอยุธยา ซึ่งยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของการไม่น่าไว้วางใจ
ความพ่ายแพ้และการจดจำในพงศาวดาร: เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสามารถกอบกู้เอกราชและขับไล่พม่าได้สำเร็จ พระองค์ได้ยกทัพไปตีเมืองละแวกในปี พ.ศ. 2137 เพื่อแก้แค้นการกระทำของพระยาละแวกที่รุกรานอยุธยามาโดยตลอด การศึกครั้งนั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกัมพูชา และการที่ชื่อของพระยาละแวกถูกบันทึกไว้ในพงศาวดารไทยในแง่ของผู้ที่เคยสร้างความเสียหายให้กับชาติ
จากเหตุการณ์เหล่านี้ พฤติกรรมของพระยาละแวกที่ถูกมองว่า ฉวยโอกาส, ไม่ซื่อสัตย์, และหักหลัง ในยามที่อีกฝ่ายอ่อนแอ ได้ถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น และทำให้ชื่อของท่านกลายเป็นตัวแทนของคนที่มีลักษณะนิสัยเช่นนั้น
"ลูกหลานพระยาละแวก" ในความหมายปัจจุบัน
ดังนั้น เมื่อมีการใช้สำนวน "อย่าไปคบลูกหลานพระยาละแวก" ในปัจจุบัน จึงไม่ได้หมายถึงเชื้อสายโดยตรงของกษัตริย์กัมพูชาพระองค์นั้น แต่เป็นการใช้ในเชิง เปรียบเปรย ถึงบุคคลที่มีลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกับพฤติกรรมที่พระยาละแวกเคยกระทำในประวัติศาสตร์ นั่นคือ
- คนที่คบไม่ได้: ไม่ว่าจะด้วยนิสัยที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้
- คนไม่น่าไว้วางใจ: ไม่สามารถพึ่งพาได้ อาจแปรพักตร์หรือทรยศหักหลังได้ง่าย
- คนฉวยโอกาส: หาประโยชน์จากความอ่อนแอหรือความทุกข์ของผู้อื่น
สำนวนนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่มีพลัง สะท้อนถึงบทเรียนจากอดีตที่สอนให้คนไทยรู้จักระมัดระวังในการเลือกคบหาผู้คน พิจารณาจากพฤติกรรมและคุณธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหักหลังหรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เรากำลังเผชิญกับความยากลำบาก
ประวัติศาสตร์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวในอดีต แต่ยังคงส่งผลและให้บทเรียนอันล้ำค่าแก่เราได้เสมอ และสำนวน "อย่าไปคบลูกหลานพระยาละแวก" ก็เป็นหนึ่งในเครื่องย้ำเตือนนั้นได้อย่างชัดเจน