สารพัดประโยชน์จากเมล็ดกาแฟ ทั้งดื่ม ขัดผิว และใช้ในบ้าน
เมล็ดกาแฟไม่เพียงแต่ให้กลิ่นหอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมีสารพัดประโยชน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งในเรื่องของสุขภาพ ความงาม และการใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญคือสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้แบบ Zero Waste อีกด้วย
เมล็ดกาแฟคืออะไร?
เมล็ดกาแฟคือเมล็ดของผลกาแฟ (Coffee cherry) ที่ผ่านกระบวนการแปรรูป แห้ง และคั่ว ก่อนนำมาบดเพื่อชงเป็นกาแฟ ในแง่ของโภชนาการเมล็ดกาแฟอุดมไปด้วยคาเฟอีน สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล และกรดคลอโรเจนิก
ประโยชน์ของเมล็ดกาแฟต่อสุขภาพ
ช่วยกระตุ้นระบบประสาทและเพิ่มพลังงาน
คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟช่วยกระตุ้นระบบประสาท เพิ่มความตื่นตัว ลดอาการง่วง และช่วยให้สมาธิดีขึ้น
ต้านอนุมูลอิสระ
เมล็ดกาแฟมีสารโพลีฟีนอลและกรดคลอโรเจนิก ซึ่งช่วยชะลอวัย ลดการอักเสบ และลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและโรคหัวใจ
ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน
คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะหากดื่มก่อนออกกำลังกาย
เมล็ดกาแฟกับการดูแลผิวและเส้นผม
สครับขัดผิวจากกากเมล็ดกาแฟ
ใช้กากเมล็ดกาแฟผสมกับน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ต ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดเซลลูไลท์ และทำให้ผิวเนียนนุ่ม
มาสก์ผมเพิ่มความเงางาม
นำกากเมล็ดกาแฟผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้หมักผมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความเงางามตามธรรมชาติ
ลดใต้ตาหมองคล้ำ
คาเฟอีนในกากเมล็ดกาแฟช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้แต้มใต้ตาเพื่อลดความหมองคล้ำได้
เมล็ดกาแฟในงานบ้านและการดูแลสิ่งแวดล้อม
ดับกลิ่นในตู้เย็นหรือรองเท้า
ใส่กากเมล็ดกาแฟแห้งในถุงผ้าผูกปาก แล้ววางในตู้เย็น ห้องน้ำ หรือรองเท้า ช่วยดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์
ป้องกันแมลง
กลิ่นของเมล็ดกาแฟคั่วแรงๆ สามารถรบกวนแมลงบางชนิด เช่น มด หรือยุง ทำให้หนีห่างจากบริเวณนั้น
ปรับปรุงดิน
นำกากเมล็ดกาแฟไปผสมกับดินปลูกต้นไม้ เพิ่มธาตุอาหารและช่วยให้ดินร่วนซุย เหมาะกับพืชผักสวนครัว
ข้อควรระวังในการใช้เมล็ดกาแฟ
ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจ ควรจำกัดการดื่มกาแฟไม่ให้เกินวันละ 1-2 แก้ว
หลีกเลี่ยงการใช้กากเมล็ดกาแฟที่ยังเปียก เพราะอาจเกิดเชื้อราได้
อย่าใช้กากเมล็ดกาแฟขัดผิวบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง
เมล็ดกาแฟไม่ได้มีดีแค่เรื่องรสชาติ แต่ยังเปี่ยมด้วยคุณค่าในหลายแง่มุม ทั้งด้านสุขภาพ ผิวพรรณ และการใช้ในบ้าน หากรู้จักนำมาใช้ให้เหมาะสม ก็จะช่วยเสริมคุณภาพชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบยั่งยืน