มท.2 ติดตามสถานการณ์อุทกภัย ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วม 4 จังหวัด 8 อำเภอ
มท.2 ติดตามสถานการณ์อุทกภัย ยังคงมีพื้นที่น้ำท่วม 4 จังหวัด 8 อำเภอ จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำบัญชีความเสียหายทุกด้าน - เน้นย้ำจังหวัดให้วางแผนการฟื้นฟูระยะยาว เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์ซ้ำในพื้นที่เดิม
วันนี้ (4 ส.ค. 68) เวลา 09.30 น. นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 4 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย สุโขทัย และพิษณุโลก รวม 8 อำเภอ โดยจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำบัญชีความเสียหายทุกด้าน รวมถึงประชาสัมพันธ์ข้อมูลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยของหน่วยงานภาครัฐแก่สาธารณชนสม่ำเสมอ เพื่อให้ประชาชนทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ตลอดจนเน้นย้ำจังหวัดให้ความสำคัญกับการวางแผนการฟื้นฟูในระยะยาว เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์ซ้ำในพื้นที่เดิม หากเกิดสถานการณ์ขึ้นในห้วงต่อไป โดยมี นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ห้อง War room ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์อุทกภัยและรายงานผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจากทุกจังหวัด ซึ่งภาพรวมส่วนใหญ่สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในทุกด้าน แต่ในบางพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ทางการเกษตร และยังคงมีประชาชนบางส่วนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย กระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและยังคงติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิดพร้อมประสานการปฎิบัติในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทั่วถึง จนกว่าสถานการณ์ทุกพื้นที่จะคลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยในวันนี้ ตนได้มีข้อสั่งการให้จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วเร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำบัญชีความเสียหายทุกด้าน พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว รวมถึงฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและประปาในพื้นที่ประสบภัยที่ได้รับความเสียหาย ให้กลับมาให้บริการประชาชนได้ตามปกติโดยเร็ว ตลอดจนประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ทั้งการคาดการณ์สภาพอากาศ ขั้นตอนของการช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประสบภัยของหน่วยงานภาครัฐแก่สาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พี่น้องประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและผู้ประสบภัยที่ได้รับความเดือดร้อนว่า จะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐทุกมิติอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ ยังกำชับให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการวางแผนการฟื้นฟูในระยะยาว เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์ซ้ำในพื้นที่เดิม ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ประชาชนในพื้นที่เป็นประจำทุกปี โดยให้ประชาชนในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนมรับมือภัยพิบัติในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เนื่องจากเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงหากเกิดสถานการณ์ขึ้นในห้วงต่อ ๆ ไป
“ดิฉันขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยในห้วงผ่านมาอย่างเต็มกำลัง ซึ่งประชาชนได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนทุกมิติอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลด้านการดำรงชีพอย่างเพียงพอและเหมาะสม การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจอย่างใกล้ชิด รวมถึงยังได้มีการระดมทรัพยากรเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดสถานการณ์มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำให้เห็นการร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน อาสาสมัคร องค์กรสาธารณกุศล ประชาชน จิตอาสา ในการสนันสนุนและให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์และให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง” น.ส.ธีรรัตน์ มท.2 กล่าว
ขณะที่ นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสถานการณ์น้ำและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่ส่งผลให้ห้วงวันที่ 21 ก.ค. 68 – ปัจจุบัน (วันที่ 4 ส.ค. 68) เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ และเลย) รวม 74 อำเภอ 365 ตำบล 2,390 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 74,591 ครัวเรือน 233,487 คน มีผู้เสียชีวิต 8 ราย (จังหวัดน่าน 5 ราย พะเยา 2 ราย และจังหวัดแพร่ 1 ราย) ปัจจุบัน (4 ส.ค. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย สุโขทัย และพิษณุโลก รวม 8 อำเภอ 18 ตำบล 52 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,135 ครัวเรือน 11,594 คน โดยสถานการณ์ระดับน้ำในภาพรวมจังหวัดน่าน เชียงราย และสุโขทัย ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ส่วนจังหวัดพิษณุโลกระดับน้ำเพิ่มขึ้น ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังคงให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่ 4 จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ได้แก่ น่าน เชียงราย สุโขทัย และพิษณุโลก โดยได้ระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย ประกอบด้วย รถบรรทุกติดตั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย รถประกอบอาหาร รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ พร้อมมอบถุงยังชีพของ ปภ. และจากการได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ภาคเอกชน เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์และให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป