เมื่อการรู้จักตัวเองกลายเป็นเทรนด์ เพราะ DNA บอกอะไรมากกว่าที่เราคิด !
หลายคนอาจจะคิดว่า “การตรวจ DNA” เป็นแค่การตรวจหาพันธุกรรมเหมือนที่เคยเห็นในละครหลังข่าว หรือตามข่าวอาชญากรรม จากเรื่องไกลตัวที่อยู่ในห้องแล็บ ปัจจุบันนี้ได้กลายมาเป็นเทรนด์สุขภาพสุดฮิตที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ แล้วเคยสงสัยไหมว่าแท้จริงแล้วการตรวจ DNA บอกอะไรเราได้บ้าง และการได้รู้ข้อมูลเหล่านั้น จะเปลี่ยนชีวิตเราได้อย่างไร ? BT Beartai จะพาไปสำรวจเทรนด์นี้กัน
DNA (Deoxyribonucleic acid) คือสารพันธุกรรมที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ จากรุ่นสู่รุ่น จึงทำให้ DNA สามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้ และที่สำคัญ DNA ยังสามารถบอกปัญหาสุขภาพของเราได้อีกด้วย
การตรวจ DNA กลายเป็นเทรนด์ได้อย่างไร ?
นิยามของคำว่า ”สุขภาพดี” ในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าทุกวันนี้เทรนด์การดูแลสุขภาพยุคใหม่ไปไกลว่าที่เคย ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การกินดี หรือการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่คือการดูแลสุขภาพเชิงลึกที่เจาะจงไปถึง ”รหัสชีวิต” ในระดับเซลล์ นั่นก็คือ การตรวจ DNA (Genetic Testing) ที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
ด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Next-Generation Sequencing (NGS) ทำให้การตรวจมีต้นทุนที่ต่ำลงและตรวจได้เร็วภายใน 1-2 วัน ทำให้ผู้คนเข้าถึงการตรวจได้ง่าย จึงกลายเป็นเทรนด์สุดฮิตของคนยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพและอยากรู้จักตัวตนของตัวเองมากขึ้น
แล้ว DNA บอกอะไรกับเราได้บ้าง ?
นอกเหนือจากการพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่เราคุ้นเคยกันดีแล้ว DNA ยังสามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราได้ในหลายด้าน ดังนี้
1. ด้านสุขภาพ
พันธุกรรมไม่ได้เพียงกำหนดรูปร่างหน้าตา แต่ส่งผลถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพและการทำงานของร่างกายที่ต่างกันออกไปด้วย
- ความเสี่ยงในการเกิดโรค แทนที่จะรอให้ป่วยแล้วค่อยรักษา เราสามารถประเมิน ความเสี่ยงในการเกิดโรคทางพันธุกรรมเช่น โรคมะเร็งบางชนิด, โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน เพื่อให้เราสามารถวางแผนดูแลสุขภาพเชิงรุกและป้องกันได้ก่อน
- การตอบสนองต่อยา การตรวจ DNA สามารถบอกได้ว่าร่างกายของเรามีแนวโน้มจะตอบสนองต่อยาบางชนิดอย่างไร หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ยาตัวไหนเป็นพิเศษ ช่วยให้แพทย์เลือกใช้ยาที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับเราที่สุด
- การเป็นพาหะของโรค สำหรับการวางแผนครอบครัว การตรวจนี้จะบอกได้ว่าเรามียีนที่ผิดปกติหรือเป็นพาหะของโรคที่อาจถ่ายทอดไปสู่ลูกได้หรือไม่ เช่น โรคธาลัสซีเมีย
- การตรวจทารกในครรภ์ สามารถตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกได้ตั้งแต่ในครรภ์ เช่น กลุ่มอาการดาวน์
- ปรับพฤติกรรมการกิน การตรวจ DNA สามารถบอกได้ว่าร่างกายขาดหรือต้องการวิตามินอะไรเป็นพิเศษ เพื่อได้รับสารอาหารที่เหมาะสมแก่ร่างกาย หรือตรวจได้ว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่หากกินเข้าไปแล้วจะเกิดอาการแพ้
2. ด้านไลฟ์สไตล์
นอกจากการใช้ในทางการแพทย์แล้ว การตรวจ DNA อาจใช้เพื่อตรวจลักษณะทางชีววิทยาของร่างกายที่จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นได้
- การออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อดูว่าศักยภาพร่างกายของเราเหมาะกับการออกกำลังกายที่เน้นพละกำลัง (Power) หรือเน้นความทนทาน (Endurance) มากกว่ากัน การออกกำลังกายที่ตรงกับพันธุกรรมจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีและลดความเสี่ยงบาดเจ็บ
- สุขภาพผิวพรรณ ทำให้เข้าใจผิวพรรณของตนเองมากขึ้น เช่น ความสามารถในการสร้างคอลลาเจน การเกิดริ้วรอย หรือความไวต่อแสงแดด เพื่อให้เราเลือกใช้สกินแคร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ด้านตัวตนและพรสวรรค์
แม้การตรวจ DNA จะสามารถบอกตัวตนและพรสวรรค์ได้ อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ ทักษะ หรือความสามารถอาจเปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองของแต่ละบุคคล ซึ่งความแม่นยำในการตรวจนั้นขึ้นอยู่กับมาตรฐานของห้องแล็บ จึงควรศึกษาข้อมูลและเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะเมื่อสั่งซื้อชุดตรวจผ่านช่องทางออนไลน์
- พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบพรสวรรค์ที่อาจจะซ่อนในตัวตนได้โดยที่อาจจะไม่เคยรู้ตัวมาก่อน เช่น ความสามารถด้านภาษา คำนวณ การร้อง การเต้น หรือวาดภาพ ซึ่งการตรวจ DNA นี้อาจทำให้เรารู้จักและค้นพบตัวเองได้เร็วขึ้น
- บุคลิกภาพและอารมณ์ สามารถวิเคราะห์บุคลิก การเข้าสังคม หรือแม้กระทั่งการรับมือกับอารมณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะความเครียด ว่ามีอาการเครียดสะสมหรือไม่ เพื่อให้หาทางรับมือและแก้ไขได้
- การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ใช้ยืนยันความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น การตรวจพ่อ-แม่-ลูก หรือใช้ในงานนิติวิทยาศาสตร์เพื่อระบุตัวตน
การตรวจ DNA เพื่อวิเคราะห์สุขภาพถือเป็นก้าวสำคัญของการดูแลสุขภาพยุคใหม่ เพื่อช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงของโรคและสามารถวางแผนการรักษาได้แต่เนิ่น ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีและข้อมูลเหล่านี้จะสามารถเข้าถึงง่าย แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ โฆษณาในออนไลน์ที่อ้างว่าสามารถตรวจพรสวรรค์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเชื่อแบบผิด ๆ ที่ส่งผลต่อการเลี้ยงดูหรือสร้างความกดดันให้เด็กเกินความจำเป็น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เพื่อให้ข้อมูลทางพันธุกรรมถูกนำมาใช้อย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างปลอดภัย