พระเทพพัชราภรณ์ ยอมสึก รับอ่อนต่อโลก โอนเงินให้ สีกากอล์ฟ 12.8 ล.
14 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.30 น. ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าพบ "พระเทพพัชราภรณ์" เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณหอฉันวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง เพื่อสอบปากคำหลังจากพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ "สีกากอล์ฟ" กว่า 11 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กันสื่อมวลชนให้อยู่ภายนอกสำนักงานเจ้าอาวาส จากนั้นเข้าไปในห้องที่เป็นกระจก ซึ่งอยู่ห่างจากกุฎิเจ้าอาวาสประมาณ 150 เมตร
โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ มี นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เเละ พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ,พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.2 กองบังคับการป้อวกันเเละปราบปรามการทุจริตเเละประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เข้าร่วมตรวจสอบเส้นทางการเงิน เเละเจรจาขอให้ พระเทพพัชราภรณ์ ยอมลาสิกขา
หลังการเข้าพบ พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ออกมาเปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิต พระเทพพัชราภรณ์ ยอมลาสิกขาเรียบร้อยแล้ว เเละเต็มใจจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย
เบื้องต้น กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) อยู่ระหว่างตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้น คือ วัดตรีทศเทพมา และ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดชูจิตฯ เป็นเส้นทางการเงินที่ตรวจพบมากที่สุด โดยโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ที่ได้มาจากการทำกิจนิมนต์ และจากการสอนหนังสือ เก็บสะสมเป็นเงินส่วนตัว ก่อนโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ยังไม่รวมอีก 3.8 แสนบาท ที่เป็นเงินจากบัญชีวัด โอนไปให้ "สีกากอล์ฟ" มีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์ และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้ "สีกากอล์ฟ" ถึง 10 ล้านบาท ซึ่งจากการกระทำของอดีตเจ้าอาวาสฯ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดมาตรา 157
ส่วนเส้นทางที่ทั้งคู่รู้จักกัน "สีกากอล์ฟ" เข้าหาอดีตเจ้าอาวาสฯ โดยมาพบด้วยตนเองที่วัด อ้างตัวเป็นไฮโซ แอบอ้างพระผู้ใหญ่ ทำให้อดีตเจ้าอาวาสฯ เชื่อใจ และหลงเชื่อโดยยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” และ “เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่” ส่วนเงินที่ "สีกากอล์ฟ" ยืมจากอดีตเจ้าอาวาสฯ อ้างว่าขอยืมไปทำธุรกิจเซรามิก โดยไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็ได้ทวงถามเรื่อยมาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง จนมีข่าวอดีตเจ้าคุณอาชว์ วัดตรีทศเทพ ตกเป็นข่าว จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก
ส่วนการทำธุรกรรมจากบัญชีวัด จากการตรวจสอบพบว่าวัดนี้ไม่มี "ไวยาวัจกร" และคณะกรรมการวัด ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนเช่นเดียวกับวัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร
ส่วนความสัมพันธ์เชิงชู้สาว อดีตเจ้าอาวาสฯ และ สีกากอล์ฟ ยืนยันตรงกันว่าไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว และไม่มีพยานหลักฐานที่เป็นรูปภาพและคลิปวิดีโอในลักษณะถูกแบล็กเมล์ ส่วนเรื่องเงินที่ยืมจากอดีตเจ้าอาวาสฯ กว่า 10 ล้านบาท สีกากอล์ฟ ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจออกหมายจับอดีตเจ้าอาวาสฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งทุกอย่างจะต้องนำไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อน โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที๋โอนไปให้ "สีกากอล์ฟ" หลังจากนี้พนักงานสอบสวนอาจพิจารณาเรียกตัวอดีตเจ้าอาวาสฯ และ สีกากอล์ฟมาให้ปากคำเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน หลังมีข่าวพระผู้ใหญ่ที่พัวพันกับ "สีกากอล์ฟ" ทยอยสึกไปแล้ว มีพระผู้ใหญ่อีกหลายรูปติดต่อมาเพื่อขอเข้าพบ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ "บิ๊กเต่า" เพื่อให้ข้อมูลที่เก็บไว้มานาน ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน
ด้าน พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 2 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ยืนยันว่า กรณีนี้มีความผิดชัดเจน เนื่องจากพบว่ามีเงินจากบัญชีวัดโอนให้ "สีกากอล์ฟ" 3.8 แสนบาท หลังจากนี้ตำรวจจะตรวจสอบว่าเงินจำนวนดังกล่าวโอนจากบัญชีส่วนตัวไปบัญชีวัด และ โอนต่อไปบัญชี "สีกากอล์ฟ" หรือไม่ หรือโอนจากบัญชีวัดโดยตรง ซึ่งหากเป็นลักษณะดังกล่าวถือว่ามีความผิดชัดเจน ส่วนจะทยอนโอน หรือ โอนครั้งเดียว หลังจากนี้จะไปตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะถือเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ,
ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้านหน้า ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ ปปป. ควบคุมตัวอดีตเจ้าอาวาสฯ ออกไปด้านหลังศาลาหอฉัน โดยสวมชุดลาสิกขา สีขาว เดินขึ้นรถไปพร้อมเจ้าหน้าที่