ผบก.ปปป. ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางเงินวัดใหญ่จอมปราสาท ไร้เงาเจ้าอาวาส
เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นางสาวอรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2, นายคนึง ทองเที่ยง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร คณะเจ้าหน้าที่ ปปป.,ปปท, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าพบกับ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์(พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท การบริหารจัดการเงินวัด และรายรับ – รายจ่าย ที่ทางวัดพึงได้รับในแต่ละเดือน มีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่มีการตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกากอล์ฟ
ทั้งนี้ เบื้องต้นจากการที่ทางคณะของ ผบก.ปปป. ได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าคณะตำบลนั้น ได้ชี้แจงให้ทราบว่า ตอนนี้ในส่วนของพระมหาทิวากร ยังคงพบแค่เพียงเรื่องของการโอนเงินไปให้สีกากอล์ฟเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังไม่มีเรื่องของชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ประเด็นการเงินที่หลายคนยังคงต้องหารายละเอียดเพิ่ม คือเงินที่โอนไปให้สีกาเป็นเงินจากส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด นอกจากนี้ยังต้องหารายละเอียดให้ครอบคลุมถึงเรื่องของความขัดแย้งระหว่างพระกับชาวบ้านเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
ซึ่งในส่วนของข้อสงสัยดังกล่าวนั้น ก็ได้รับการชี้แจงจากทางผู้ใหญ่บ้านว่า ทางวัดใหญ่จอมปราสาทยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากที่คนเก่าลาออกไป ส่วนเงินวัดนั้นเข้าบัญชีใครไม่มีใครทราบเพราะเจ้าอาวาสวัดเป็นผู้บริหารทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัดซึ่งติดกับแม่น้ำท่าจีน ได้ค่าที่จอดประมาณเดือนละ 20,000 บาท เงินทำบุญทอดกฐินปีที่ผ่านมาได้มาราว 1 ล้านบาทเศษ และเงินเทศน์มหาชาติราวๆ 100,000 บาท แต่เงินจากตู้บริจาค 2 ตู้ ที่ตั้งอยู่ในกุฏิพระสงฆ์ กับ ที่โบสถ์นั้น ถือว่าน้อยมากเพราะวัดนี้คนมาทำบุญน้อยจึงไม่ค่อยมีรายได้จากตรงนี้ ส่วนอื่นๆ นั้น จะเป็นเรื่องที่เจ้าอาวาสเป็นครูสอนธรรมบาลี มีรายได้ประมาณเดือนละ 15,000 บาท
ด้านรายจ่ายของวัดทางพระลูกวัดก็ชี้แจงด้วยว่า รายจ่ายแต่ละเดือนทางเจ้าอาวาสจะมีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ประมาณ 30,000 กว่าบาท และค่าบำรุงศาสนาสถาน ศาสนวัตถุอื่นๆ อีกรอบวัด ตรงนี้ทางเจ้าอาวาสท่านหามาจ่ายทั้งหมด แต่จะได้มาจากทางใดบ้าง และเงินที่ได้มาเข้าบัญชีวัดหรือบัญชีส่วนตัวนั้น ไม่มีพระรูปใดทราบเหมือนกัน ส่วนความขัดแย้งกับชาวบ้านนั้นก็จะมีบ้างกับกลุ่มเล็กๆ ไม่ใหญ่นัก