คู่เเข่ง Taycan และ Lucid Mercedes-AMG เปิดตัว GT XX Concept ซุปเปอร์ซีดานไฟฟ้า 1,340 แรงม้า
คู่เเข่ง Taycan และ Lucid Mercedes-AMG เปิดตัว GT XX Concept ซุปเปอร์ซีดานไฟฟ้า 1,340 แรงม้า
มาพร้อมขุพลังไฟฟ้าพลังมหาศาลถึง 1,340 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 360 กม./ชม. พร้อมเสียงจำลองจากเครื่องยนต์ V8 ที่ AMG เคลมว่า “ดีที่สุดเท่าที่รถยนต์ไฟฟ้าเคยมีมา” นี่คือยานยนต์ต้นแบบเตรียมปูทางสู่รถ EV รุ่นผลิตจริงคันแรกของ AMG ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026
ในความเป็นจริง…แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมัน ทั้ง Mercedes-Benz BMW Audi Porsche volkswagen ต่างพยายามดิ้นรนเพื่อเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า แต่กลับไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร ในไทย รถไฟฟ้าของเยอรมันต้องเจอกับการตัดราคาของรถไฟฟ้าจีน จนทำให้ยอดขายเหี่ยวเฉา เอาอะไรออกมาก็ขายสู้จีนไม่ได้ ทั้งจากต้นทุนการผลิต การตั้งราคา และรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นของแบรนด์เยอรมันที่ยังไม่โดนใจเศรษฐี Mercedes-Benz ก็เจอเข้ากับปัญหาความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่ไปไม่ถึงเป้าหมาย ผลิตภัณฑ์ที่มีตราสัญลักษณ์ EQ ขายไม่ดีเท่าที่ควร แผนการที่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2030 นั้นถูกยกเลิกไปนานแล้ว แต่แนวคิดที่หลงเหลือจากช่วงเวลาแห่งความฝันนั้นได้ช่วยหนุนหลังให้รถต้นแบบ GT XX ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงที่แบรนด์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก Mercedes-Benz GT XX Concept ใช้แพลตฟอร์ม EV แบบพิเศษที่ออกมาจากแผนก AMG โครงสร้างผสมผสานเหล็ก อลูมิเนียม คาร์บอนคอมโพสิต แมคนีเซียมและวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ นอกจากนี้ยังอาจมีรุ่น SUV ตามออกมาเพื่อที่แข่งขันกับ Ferrari Purosangue
GT XX ใช้เฉดสีของยานยนต์ต้นแบบแนวคิด Vision AMG ที่เปิดตัวในปี 2022 โดยมีการผสมผสานเทคนิคใหม่ๆของ Vision One-Eleven ที่เปิดตัวในปี 2023 ตัวถังของ GT XX ยังเชื่อมโยงกับความคลาสสิกของรถต้นแบบ Mercedes C111 ที่งดงาม ซึ่งคลอดออกมาในช่วงปลายทศวรรษ 1960 สีส้ม Sunset Beam แผงข้างประตูเรืองแสง กระจกหน้าออกแบบใหม่ ทำให้เสาหน้าหรือเสา A มีองศาลาดเอียงสุดๆ ส่งผลดีเลิศต่อระบบอากาศพลศาสตร์ตามค่าที่กำหนด แน่นอนว่า GT XX นั้น ผสมความหรูหราไฮเทคของยานยนต์ต้นแบบแนวคิดได้อย่างลงตัว แต่เมื่อขึ้นไลน์ผลิตจริง ก็อาจมีบางจุดที่โดนตัดออกไปเพราะความเว่อร์วังอลังการของรถโชว์ที่อาจทำให้ต้นทุนพุ่งกระฉูด
GT XX ยังเป็นรถที่เข้ามาแทนที่ AMG GT 4 ประตู แต่เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์สันดาปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า Porsche Taycan และ Lucid Air คือคู่แข่งที่ GT XX จะต้องลงสนามไปสู้ ลองสังเกตให้ดีๆ ดูเหมือน AMG พยายามจะเอาใจลูกค้าสูงวัย ด้วยการออกแบบสไตล์ย้อนยุค กระจังหน้าเหมือน Jaguar ไฟท้ายทรงกลมเหมือน Ferrari Classic ทำให้ Mercedes AMG GT XX Concept ดูย้อนยุคอย่างแปลกประหลาด แต่โดยรวม ทรงของมันกลับถูกใจกลุ่มลูกค้าสูงวัยที่ชอบความขลังของรถตราดาวในอดีต
ความยาว 5,200 มิลลิเมตร กว้างเกือบ 2,000 มิลลิเมตร ทำให้ GT XX ดูโอ่โถงราวกับ Maybach ตัวรถและแผงใต้ท้องรถเรืองแสงด้วยไฟ LED เพื่อแสดงสถานะการชาร์จ ส่วนหน้าของ AMG GT XX เน้นที่ทัศนคติเชิงแนวคิดเป็นหลัก ไฟหน้าเรียงซ้อนกันในแนวตั้ง มีลำโพงในตัวพร้อมเมมเบรนแบบพาสซีฟสำหรับการตอบสนองความถี่ต่ำ ลำโพงเหล่านี้จะส่งเสียงเพื่อแจ้งเตือนคนเดินเท้า AMG รู้ดีว่าเสียงดังสนั่นจากเครื่องยนต์ V8 นั้น ถือเป็นจุดขายหลัก ส่วน รถยนต์ไฟฟ้าที่มีเสียงสไตล์อวกาศนั้น ไม่ค่อยจะถูกใจลูกค้าเก่าสักเท่าไหร่ (ถึงขายไม่ดีไง) เมื่อเป็นยานยนต์ EV ก็ต้องยอมรับว่าเสียงของรถน่าจะออกมาในแบบยานเอเลี่ยนเหมือนเดิม
ช่องระบายความร้อนที่ฝากระโปรงหน้า เป็นช่องระบายอากาศแบบโดม สะท้อนถึงยุครุ่งเรืองของเครื่องยนต์สันดาปภายใน AMG GT XX ยังมีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.20 (cd 0.20) สปลิตเตอร์ด้านหน้าและครีบระบายอากาศใต้พื้น ช่วยลดการยกตัว แผงควบคุมอากาศแบบแอ็คทีฟของ AMG เพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้กับมอเตอร์และแบตฯ นอกจากนี้ยังมีเบรกอากาศด้านหลังทำงานอัตโนมัติโดยจะยกตัวขึ้นมาในแนวตั้งคล้ายกับ McLaren 720s นอกจากไฟท้ายทรงกลมแล้ว ยังมีแผงไฟ LED RGB (แดง เขียว และน้ำเงิน) ที่ตั้งโปรแกรมได้ จำนวน 700 ดวง อยู่ตรงกลางระหว่างไฟท้ายทั้งสองฝั่ง Mercedes AMG แจ้งมาว่า หลอด LED เล็กๆ ทั้ง 700 ดวง สามารถแสดงข้อความ รูปแบบกราฟิกที่หลากหลาย แต่ตอนผลิตจริงน่าจะถูกยกเลิกเพราะลูกค้า AMG ส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่ดูแล้วแปลกตาหรือตลกเกินไป
แม้บางองค์ประกอบ เช่น สีตัวถังแบบเปลี่ยนเฉด (Fluid Light Paint) หรือ Light Bar ด้านหลัง อาจไม่ผ่านข้อบังคับการผลิตจริง แต่ โครงสร้างหลักของรถนี้จะถูกใช้ใน AMG EV รุ่นอนาคตแน่นอน
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับตลาดรถใหม่ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา การที่ AMG กล้าเปิดตัวรถ EV สมรรถนะสูงแบบนี้ ถือเป็นสัญญาณว่าแบรนด์พร้อมแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Lucid และ Porsche แบบไม่เกรงใจ และไม่พึ่งไฮบริดถ่วงน้ำหนักเหมือนในอดีตอีกต่อไป
ที่มา : Motor1