ผ่าลึก แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กข้าราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี หลายตำแหน่ง
รัฐบาลแพทองธาร จัดทัพ “บิ๊กข้าราชการ” ล็อตใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมปีงบประมาณ 2569 ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ล่าสุด สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ส่งให้กับทุกรัฐมนตรี มีเนื้อหาเร่งรัดให้แต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานต่าง ๆ ที่รัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแล ตามข้อสั่งการของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
โดยมีข้อสั่งการไว้ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 กำชับให้รัฐมนตรีที่มีข้าราชการระดับสูงในสังกัด จะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ เร่งพิจารณาเสนอชื่อผู้ที่จะแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งแทน หรือที่ประสงค์จะโยกย้าย สับเปลี่ยน หมุนเวียน ตามแต่กรณีต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว
หนึ่งในนั้น คือ สำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยงานสำคัญในระดับกระทรวง ซึ่งมีหน้าที่ขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินและเป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ก็มีข้าราชการระดับสูงที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ รวมไปถึงผุ้บริหารในระดับสูงที่กำลังจะถึงกำหนดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งอย่างน้อย 2 หน่วยงานใหญ่ด้วยกัน
สำหรับหน่วยงานภายใต้สังกัด สำนักนายกรัฐมนตรี นั้น นับเป็นหน่วยงานสำคัญของประเทศ ซึ่งมีภารกิจครอบคลุมการบริหารราชการทั่วไป เสนอแนะนโยบายและการวางแผนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคง และราชการเกี่ยวกับการงบประมาณ ระบบราชการ การบริหารงานบุคคล กฎหมายและการพัฒนากฎหมาย การส่งเสริมการลงทุน และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เป็นต้น
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า ในปีงบประมาณ 2568 มีข้าราชการระดับสูงของสำนักนายกรัฐมนตรี เกษียณอายุ ในปีงบประมาณนี้ คือ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันยังมีข้าราชการระดับสูงอย่างน้อย 2 คนที่ กำลังจะครบวาระในการดำรงตำแหน่ง นั่นคือ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และนายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
ส่วนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในปีงบประมาณนี้ มีผู้เกษียณอายุในระดับ 10 คือ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 2 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายอุฬาร จิ๋วเจริญ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะยังคงนั่งดำรงตำแหน่งไปจนถึงปีงบประมาณ 2569 แม้ว่าจะมีอายุครบ 60 ปีในปี 2568 นี้ เพราะมีอายุครบ 60 ปี ในวันที่ 2 ตุลาคม 2568
แหล่งข่าวระบุว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงปีนี้ ตำแหน่งสำคัญที่มีการจับตามองอย่างกว้างขวางนั่นคือ ตำแหน่ง เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งนายดนุชา เพิ่งได้รับต่อเวลาการดำรงตำแหน่ง ต่อไปอีก 1 ปี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และจะครบกำหนดระยะเวลาวันที่ 30 กันยายน 2568 นี้ ซึ่งสามารถต่ออายุได้อีก 1 ปี แต่ที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวว่ามีข้าราชการระดับสูงบางคนพยายามจะมานั่งในตำแหน่งนี้แทน
อย่างไรก็ตามมีการประเมินว่า ที่ผ่านมานายดนุชา มีผลงานที่ดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะการวางทิศทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งต้องเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการรับมือนโยบายด้านภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานสำคัญที่ต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประเมินผลกระทบ แนวทางการรับมือ หรือการพิจารณาออกมาตรการต่าง ๆ มารองรับผู้ประกอบการ และประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ขณะเดียวกันในช่วงปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า สภาพัฒน์ฯ ยังมีงานสำคัญคือ การจัดทำกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2571 – 2575) ซึ่งเป็นแผนที่จะกำหนดทิศทางของประเทศไทย ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้กำลังอยู่ระหว่างการระดมความคิดเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ ก่อนนำมารวบรวมเป็นแผนฉบับสมบูรณ์ต่อไป
แหล่งข่าว กล่าวว่า หากจะมีการปรับเปลี่ยนเลขาฯ สศช. โดยไม่มีการต่ออายุออกไปเป้นครั้งที่ 2 ก็ต้องพิจารณาผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งที่ต้องมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะมาขับเคลื่อนงานสำคัญแทน ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับทางการเมืองด้วยว่าจะตัดสินใจอย่างไร