“อิ๊งค์” ฟาด “เสี่ยหนู” ใส่สีตีไข่ ปมจีนเตือนกาสิโน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ก.ค.68) เวลา 09:30 น. ที่อาคารรัฐสภา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่านโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เป็นต้นเหตุให้พรรคภูมิใจไทยตัดสินใจถอนตัวจากรัฐบาล โดยอ้างว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เคยเตือนไทยให้ยุติแนวทางดังกล่าว

นางสาวแพทองธาร ชี้แจงว่า เมื่อครั้งเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดีสีได้พูดเรื่องกาสิโนว่า ไม่ได้สนับสนุน แล้วประเทศใดที่มีกาสิโน ก็จะดูว่าคนจีนที่จะไปจะเป็นอย่างไร ไม่ได้บอกว่ามีการปรับมาตรการ ซึ่งได้ถามว่ามีข้อกำหนดหรือคำแนะนำอะไรหรือไม่ เพราะเราไม่ได้ปิดประตู พร้อมรับคำแนะนำ และได้อธิบายว่า เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่ได้เน้นกาสิโน เพราะมีเพียง 10% ทั้งสิงคโปร์และเขตบริหารพิเศษมาเก๊าของจีน ต่างมีโมเดลคล้ายกัน และประสบความสำเร็จในการดำเนินการ

“เวลาเอามาเล่าอีกรูปแบบหนึ่ง ก็ใส่สีตีไข่กันไป จริง ๆ เป็นคำแนะนำ เราก็ถามของจีนด้วยซ้ำว่า ท่านสี จิ้นผิงมีคำแนะนำอย่างไรเรื่องเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวของจีน เราก็พร้อมรับฟังอยู่แล้ว” นางสาวแพทองธาร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า นายอนุทินระบุชัดว่าผู้นำจีนเตือนไทยถึง 3 ครั้งให้เลิก ส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนหายไป 90%

นางสาวแพทองธาร กล่าวตอบเชิงย้อนถามว่า “อ้าว! ท่านอดีต มท.1 ออกไปได้ไม่นาน ลืมซะแล้วว่า เหตุผลที่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเมืองไทย เรื่องความปลอดภัยหรือเปล่า ทั้งเรื่องของมหาดไทยยังไง เรื่องความปลอดภัยนะคะที่เขาไม่เข้ามาเนี่ยค่ะ”

พร้อมระบุด้วยว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนลดลงจริง โดยช่วงโลว์ซีซันประมาณ 30% แต่มีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเข้ามาเติมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัญหามีหลายเรื่อง ทั้งคอลเซนเตอร์ ตัดน้ำตัดไฟ

“พอจะตัดก็ตัดยาก ต้องสั่งแล้วสั่งอีก ไม่ทราบว่าได้จดหรือเปล่า…” นางสาวแพทองธาร กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) จะเป็นการถอนออกเลยหรือมีโอกาสที่จะนำกลับเข้ามาใหม่ในอนาคต นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ให้เป็นไปตามมติของสภาผู้แทนราษฎร และกล่าวว่า บางเรื่องขออนุญาตไม่ตอบ เพราะขณะนี้ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี