โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ศบ.ทก.ผ่อนผันแรงงานต่างด้าวอยู่ต่อได้เป็นกรณีพิเศษ ย้ำอีกครั้งไทยยึดมั่น MOU 43

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

ศบ.ทก.ผ่อนผันแรงงานต่างด้าวอยู่ต่อได้เป็นกรณีพิเศษ ช่วยผู้ประกอบการ จนกว่าสถานการณ์ชายแดนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงเข้มงวดมาตรการควบคุมจุดผ่านแดน ย้ำระมัดระวังข่าวปลอม

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 ก.ค. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. โดยพล.ร.ต.สุรสันต์ แถลงว่า เรื่องแรกที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2568 มีมติให้อำนาจ ศบ.ทก. ดำเนินการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดตามแนวชายแดนให้คลี่คลายลง โดยให้มีอำนาจเต็มในเรื่องของการกำหนดมาตรการเพิ่มเติม หากสถานการณ์เลวร้ายลงหรือดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โดยเน้นย้ำในเรื่องของการหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหาร นอกจากนี้ที่ประชุมยังให้ ศบ.ทก. ดำเนินการใช้มาตรการที่เข้มงวดในการแก้ไขปัญหากลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติอย่างต่อเนื่องตามภาระหน้าที่ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวในมิติของงานปกติก็ยังเป็นการทำงานของหน่วยงานตามสายงานปกติ

พล.ร.ต.สุรสันต์ แถลงว่า สำหรับสถานการณ์ชายแดน ณ ปัจจุบันที่มีการดำเนินการมาตรการผ่านแดนหรือผ่านจุดด่านเข้าออกของประชาชน 2 ฝ่ายที่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มของประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ประชาชนท้องถิ่นที่สามารถเดินทางผ่านเข้า-ออก เพื่อมาจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ประจำวัน ก็สามารถดำเนินการเข้าออกได้ หรือแม้กระทั่งในกลุ่มเปราะบางที่มีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านเข้าออก ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยก็ยังอนุญาตให้ดำเนินการหรือให้เดินทางผ่านเข้าออกได้เช่นเดียวกัน รวมไปถึงกลุ่มนักเรียนนักศึกษา การขนส่งเวชภัณฑ์ ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องเข้ามารับการบริการรักษาพยาบาลในอีกประเทศหนึ่งนี้ ก็สามารถที่จะยังดำเนินการเข้ามาได้ตามหลักมนุษยธรรม

เผยตัวเลขเข้าออกทะลุ 2 แสนคน

โดยตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.-7 ก.ค. 2568 นั้น มีตัวเลขที่น่าประทับใจ เพราะมีการผ่อนปรนมาตรการตรงนี้ โดยกลุ่มที่สามารถเดินทางเข้ามา อย่างกองกำลังบูรพามีบุคคลที่เข้ามาในราชอาณาจักร 212,766 คน และมีกลุ่มประชาชนเดินทางออกจากราชอาณาจักร 206,100 คน ส่วนตัวเลขกองกำลังสุรนารี ก็มีผู้ที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ถึง 2,454 คน จะเห็นได้ว่าแต่ละพื้นที่จะมีตัวเลขที่ค่อนข้างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเด็นความตึงเครียดของสถานการณ์ตามแนวชายแดนนั้นๆ

ผ่อนปรนนำเข้าแรงงาน

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในส่วนของความมั่นคง ศบ.ทก. พยายามจะมีมาตรการการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าแรงงานต่างด้าว ที่อาจจะมีในเรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานได้เหมือนเช่นสถานการณ์ปกติ ทาง ศบ.ทก. ไม่ได้นิ่งนอนใจก็ได้มีการประชุมหารือแนวทางในการผ่อนปรนในการนำเข้าแรงงาน โดยบูรณาการหารือผู้แทนกระทรวงที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในที่ประชุมได้มีการรายงานความคืบหน้าที่ผ่านมาโดยเมื่อวันที่ 4 ก.ค. กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน ได้จัดการประชุมเพื่อหารือแนวทางบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาแก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นกับคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ผ่อนผันให้ต่างด้าวอยู่ต่อได้

โดยที่ประชุมได้มีการให้ความเห็นชอบโดยสรุป 1. กระทรวงมหาดไทย พิจารณาผ่อนผันคนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตหรือที่ใบอนุญาตนั้นหมดอายุแล้ว ระหว่างอยู่ในประเทศไทย ให้สามารถอยู่ต่อได้เป็นกรณีพิเศษ และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ จนกว่าด่านชายแดนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ ภายหลังที่ด่านเปิดเป็นปกติแล้ว ให้คนต่างด้าวเหล่านั้นเดินทางออกนอกราชอาณาจักรภายใน 14 วัน

2. กระทรวงแรงงานจะออกมาตรการให้คนต่างด้าวสามารถยื่นคำขอเข้าอนุญาตทำงาน พร้อมเอกสารหลักฐานการทำงานต่อนายทะเบียนอนุญาต โดยสามารถทำงานได้ครั้งละ 90 วัน ต่อใบอนุญาตอย่างต่อเนื่องทุกๆ 90 วัน 3. คนต่างด้าวที่มีงานทำอยู่แล้วสามารถเปลี่ยนนายจ้างและเพิ่มนายจ้างได้ 3 ราย ตลอดระยะเวลาในพื้นที่คนต่างด้าวนั้นได้รับอนุญาตทำงาน

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นมาตรการที่กระทรวงโดยร่วมมือกันหารือเร่งด่วน เพราะเราเห็นถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว จะเห็นได้ว่ามาตรการต่างๆ เหล่านี้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้น

ชงเข้า ครม. อนุมัติพรุ่งนี้

ทั้งนี้ จากผลการประชุมของคณะกรรมการที่ผ่านมา กรมการจัดหางานก็จะนำผลการประชุมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ในวันที่ 8 ก.ค.2568 จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ทั้งนี้ การประกาศของ ครม. ที่คาดว่าจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า จะมีผลย้อนหลังให้ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2568 เพราะ ศบ.ทก. เข้าใจดีว่าผลกระทบขึ้นมาตั้งแต่ช่วงสถานการณ์ไม่ปกตินี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2568

ยังเข้มงวดจุดผ่านแดน

ด้านนางมาระตี แถลงว่า มิติต่างประเทศสถานการณ์ในพื้นที่ จากรายงานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ทุกจุดตรวจผ่านแดนและสถานการณ์ในขณะนี้มีความสงบเรียบร้อยดี สำหรับฝ่ายไทยยังคงอนุโลมให้มีการผ่านแดน สำหรับนักเรียนนักศึกษา ผู้ป่วย รวมทั้งแรงงานกัมพูชาที่มีความจำเป็น และการข้ามเพื่อจับจ่ายใช้สอยตามปกติ ขอย้ำว่ามาตรการควบคุมจุดผ่านแดนฝ่ายไทย ยังคงดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อความมั่นคงโดยรวมของพื้นที่ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย จริงๆ แล้วที่สำคัญคือเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ อย่างสแกมเมอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้สร้างความเสียหายต่อประชาชนและประเทศอย่างร้ายแรง โดยทุกมาตรการได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบโปร่งใสและเป็นไปตามนโยบายที่ทาง ศบ.ทก. มอบให้ และอาจปรับเปลี่ยนในอนาคตตามสถานการณ์ในพื้นที่หากมีความจำเป็น โดยจะคำนึงถึงการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนพื้นที่เป็นสำคัญ

เร่งระบายสินค้าสด

นางมาระตี แถลงว่า สำหรับมาตรการเยียวยาประชาชน ขอเสริมในขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำโดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก เร่งระบายสินค้าสดและสินค้าอุปโภคบริโภคของเกษตรกรไปยังตลาดและแหล่งกระจายสินค้าขนาดใหญ่ ตั้งในห้างสรรพสินค้า งานแสดงสินค้าในจังหวัดต่างๆ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ พร้อมทั้งการประสานงานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อให้เกิดความชัดเจนและอำนวยความสะดวกตามความเหมาะสม วันนี้เรื่องที่น่าภูมิใจ ส่วนของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้ช่วยซื้อผลผลิตของเกษตรกรรายย่อยตามแนวชายแดน ขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลไทยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่นอนใจต่อผลที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนและตระหนักว่าความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้

แบ่งหน้าที่ติดตามท่าทีกัมพูชา

ในคณะทำงานนี้ได้บูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมเอเชียตะวันออก ซึ่งรับผิดชอบในการบริหารความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-กัมพูชา กรมสนธิสัญญาและกฎหมายดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และเรื่องเขตแดน ซึ่งกลุ่มนี้รับศึกหนักนิดนึงในช่วงนี้ กรมอาเซียนจะติดตามในเรื่องของการเคลื่อนไหวหรือพัฒนาการที่สำคัญในการประชุมของอาเซียน กรมองค์การระหว่างประเทศจะรับผิดชอบในเรื่องการติดตามท่าทีกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงท่าทีของประเทศอื่นๆ ด้วย

กรมสารนิเทศ รับผิดชอบในเรื่องของการสื่อสารเชิงกลยุทธ์และบริหารข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยคำนึงว่าไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยซึ่งบุคคลสามารถแสดงความคิดเห็นได้และเป็นเรื่องที่ยินดี มีการคิดตามอยู่เสมอ กรมการกงสุลซึ่งมีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการดูแลคนไทยในต่างประเทศ รวมถึงคนไทยในกัมพูชา ซึ่งงานของกระทรวงการต่างประเทศทั้งหมดนี้มีความปราณีตและเกี่ยวโยงหลายหน่วยงานซึ่งกระทรวงพยายามสื่อสารภารกิจที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนทราบอย่างต่อเนื่องต่อไป

ไทยชี้แจงจุดยืนให้ยูเอ็นทราบแล้ว

นางมาระตี กล่าวด้วยว่า ตามข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ 1-2 วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับหนังสือของเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งลงเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2568 แจ้งความประสงค์ของกัมพูชาที่จะฟ้องร้องเกี่ยวกับประเด็นชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ขอเรียนว่าทางกระทรวงต่างประเทศได้สั่งการไปที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ให้มีหนังสือเช่นกันถึงเลขาธิการสหประชาชาติด้วยแล้ว เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ตลอดจนท่าทีและการดำเนินการของฝ่ายไทยในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม และฝ่ายไทยได้ขอให้เลขาธิการสหประชาชาติเวียนหนังสือชี้แจงของไทยเป็นเอกสารของสมัชชาสหประชาชาติเพื่อให้รัฐสมาชิกสหประชาชาติ 193 ประเทศ ได้รับทราบด้วยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงแล้วว่า การเวียนเอกสารในลักษณะนี้ เป็นแนวทางปฏิบัติปกติของสหประชาชาติ มีรัฐสมาชิกทุกรัฐสามารถทำได้ โดยสำหรับฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจแน่นอน และได้ชี้แจงจุดยืนของไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว

ยึดถือเอ็มโอยู 43

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2568 กระทรวงการต่างประเทศได้ออกข่าวสารนิเทศอีกฉบับ เพื่อชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่าทีไทยและข้อคิดเห็นในเรื่องนี้เพื่อประโยชน์การทำความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในพื้นที่สื่อขณะนี้มีการนำเสนอข้อมูลจำนวนมาก จากหลายแหล่ง ซึ่งบางส่วนอาจไม่นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมด ขอสรุปเอกสารข่าวสารนิเทศฉบับนี้ก็ได้ชี้แจงถึงการดำเนินการของฝ่ายไทยตั้งแต่เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา และจุดยืนของรัฐบาลคือการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธี ภายใต้พันธกรณีตาม MOU 2543 ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาเขตแดนผ่านการเจรจาภายใต้กลไก JBC ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เผยแต่งตั้งนายพลวาระปี 2568 ไม่เลื่อน แม้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

29 นาทีที่แล้ว

ไมกี้ ปณิธาน แจ้งข่าวสิ้นสุดสัญญากับผู้จัดการ แฟนๆ พร้อมซัพพอร์ตไม่ว่าจะเลือกทางไหน

42 นาทีที่แล้ว

สุดเศร้า โก้ ธีรศักดิ์ แจ้งข่าวร้าย สูญเสียคุณพ่อประเสริฐ ทุกอย่างกะทันหันมาก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สมัครวันแรกคึกคัก เลือกตั้งกรรมการสภาการแพทย์แผนไทยชุดใหม่

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

กัมพูชาออกแถลงการณ์ เร่งรัดไทยส่งคืนโบราณวัตถุ 20 ชิ้น พร้อมออกค่าขนส่งเอง หลัง แพทองธาร เบรกอ้างงบไม่พอ

มุมข่าว

พิชัย ชุณหวชิร เผยไทยส่งข้อเสนอเจรจาภาษีใหม่ให้สหรัฐฯ แล้ว รออีกฝ่ายพิจารณา ย้ำไม่ได้แก้ไขแค่ปรับปรุงจุดเห็นตรงกัน

มุมข่าว

"รมว.นฤมล" ควง รมช.ศธ. ร่วมสถาปนา สพฐ. ครบ 22 ปี เชื่อการศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก

THE ROOM 44 CHANNEL

ไทยเดินเกมรุก! ยื่นข้อเสนอทางการค้ารอบใหม่แก่สหรัฐฯ หวังลดอัตราภาษีนำเข้า

THE ROOM 44 CHANNEL

”เนวิน” เล่นอาญาฟ้องหมิ่น10 ล้าน มือโพสต์ใส่ร้ายปล่อยคลิปคุยกับลุง

THE ROOM 44 CHANNEL

จ่อฟันแพลตฟอร์มออนไลน์ 777 คดี ใช้ มอก.วอทช์ สแกนเข้มสินค้าไม่ได้มาตรฐานด้วย AI

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม