หุ้นไทยเสี่ยงสูง หลัง ทรัมป์` เก็บภาษีไทย36% แนะปรับพอร์ตลงทุนใหม่
หุ้นไทยเสี่ยงปรับฐานที่ 1,050-1,120 จุด หลังสหรัฐฯเรียกเก็บภาษี 36% แต่ยังไม่หวังไม่หลุด 1,000 จุด ลุ้นเจรจากับสหรัฐฯ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. นี้ โดยกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ แนะขายทำกำไรช่วงสั้น และทยอยจัดหุ้นชุดใหม่เข้าพอร์ต เลี่ยงหุ้นมีปัจจัยลบ อย่างส่งออก-นิคมฯ แนะเอา AMATA, CBG, KTC ออกจากพอร์ต จัด TTB,CPAXT เข้าแทน หรือลงทุนหุ้นกลุ่ม Domestic Play และ กลุ่มปันผลสูง
ดาโอ ยังเชื่อ SET Index ไม่หลุด 1,000 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า หลังจากประเทศไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา36% ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ แม้ล่าสุด รมว. คลัง จะยื่นข้อเสนอการค้าให้สหรัฐฯไปแล้วเป็นรอบที่ 2 ก็ตาม ประเมินว่า ทำให้ตลาดตกหล่มด้วย 2 ตัวแปรใหญ่ที่ยังไม่รู้ทิศทาง คือ ผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ขั้นสุดท้าย และสถานะของนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามผลของทั้ง 2 เรื่อง ไม่น่าทำให้ดัชนีฯลงไป new low หรือลงต่ำกว่า 1,000 จุดได้ ยกเว้นจะเกิด Big Surprise ยุบสภาฯ หรือไทยไปติดกลุ่ม 3 ในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เมื่อถึง 1 ส.ค.นี้
ส่วนกลยุทธ์ ยังเป็นการขายทำกำไรช่วงสั้น และทยอยจัดหุ้นชุดใหม่เข้าพอร์ต โดยเลือกหุ้นที่ราคาไม่แรงผสมกับหุ้นที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน ควรเลี่ยงหรือใช้ความระมัดระวัง ในการลงทุนหุ้นมีปัจจัยลบในช่วงนี้ ถ้าเป็นเรื่องเจรจาการค้าคือ หุ้นส่งออกและกลุ่มนิคมฯ ส่วนหุ้นที่อิงการเมือง จะเป็นหุ้นที่มีการรับงานหรือมีสัมปทานกับภาครัฐฯ
แนะนำ AMATA, CBG, KTC ออกจากพอร์ตช่วงนี้ และนำ TTB,CPAXT เข้ามาแทน แบ่งเป็น หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย TTB(10%),CPAXT*(10%),TOP(10%), SCB(10%)
บล.พาย มอง SET เสี่ยงปรับฐาน 1,050-1,120 จุด ลุ้นเจรจาสหรัฐฯ
ด้าน บล.พาย ประเมิน SET INDEX เสี่ยงปรับฐานในกรอบ 1050 – 1120 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นอาจเลือก Wait & See เพราะอาจเผชิญกับแรง Panic Sell แต่อย่างไรก็ตามจะเป็นโอกาสให้กับนักลงทุนระยะกลาง - ยาว ในการสะสมหุ้นที่อาจไม่มีผลกับสงครามการค้าหรือผลกระทบมีผลไม่มากนักประกอบไปด้วยกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) กลุ่มที่อิงต่างประเทศ (MINT) ค้าปลีก (BJC CPALL) Non Bank (MTC SAWAD TIDLOR) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB)
นอกจากนี้ขึ้นกับข้อเสนอที่ทางไทยยื่นให้กับสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดวานนี้ทางรัฐบาลได้เสนอภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในบางชนิดที่ระดับ 0% ก็คงต้องรอติดตามว่าจากนี้ทางรัฐบาลไทยจะดำเนินการเจรจาอย่างไร แต่ระยะสั้นเชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลงและจะกระทบกับนิคมอุตสาหกรรมกับกลุ่มส่งออก แต่ SET INDEX ที่ 1xPBV น่าจะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง (1,060 จุด)
ลิเบอเรเตอร์ แนะ ระวังหุ้นกลุ่มส่งออก หันแนะนำกลุ่มสื่อสาร ท่องเที่ยว
บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า หากพิจารณาของไทยซึ่งโดนเก็บภาษีนำเข้าที่ 36% ถือเป็นอัตราคงเดิมที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่ 2 เมษายน สวนทางกับประเทศส่วนใหญ่ในรอบนี้ได้ปรับลดภาษีลง ดังนั้นสะท้อนถึงแผนการเจรจาของไทยในรอบล่าสุดที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้คาดจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้นในช่วงที่เหลือก่อนการเริ่มเก็บจริง 1 ส.ค. ทางไทยจะต้องรีบเสนอแผนการลดการขาดดุลของสหรัฐฯอย่างมีนัยสำคัญ
คาด SET จะตอบรับเชิงลบ โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1100 และ 1080 จุด ระมัดระวังกลุ่มส่งออกซึ่งคาดจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากอัตราภาษีนำเข้าสหรํฐฯที่อยู่ที่ระดับสูงถึง 36% ซึ่งถือว่าสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ที่โดนที่ระดับเพียง 20% อย่างไรก็ดี กลุ่มที่อาจเข้ามาสลับพยุงเช่น กลุ่ม Domestic Play ที่ Valuation น่าดึงดูด และกลุ่มปันผลสูง ที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังคาดเติบโตดี โดยแนะนำ กลุ่มสื่อสาร, ท่องเที่ยว, ไฟฟ้า และโรงพยาบาล
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO