“ภูมิธรรม” บอก อยากให้ ปชช.กลับบ้าน แต่ ยังไม่ไว้ใจ “กัมพูชา” หลังเหตุปะทะ
“ภูมิธรรม” บอก อยากให้ปชช.กลับบ้าน แต่ ยังไม่ไว้ใจ “กัมพูชา” หลังเหตุปะทะ เลี่ยงตอบ ปมยึดปราสาทตาควาย หวั่น กระทบเจรจา ส่วน ทหารกัมพูชา 18 นาย รุกล้ำเข้าไทยหลังประกาศหยุดยิง จ่อ ส่งตัวกลับแต่อีกฝ่ายปล่อยเฟคนิวส์กล่าวหาไทยลักพาตัว จึงขอสอบสวนเพิ่ม
เวลา 10.00 น. วันที่31 ก.ค. 68 ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้พบว่ามีประชาชนฆ่าตัวตาย ว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย คิดว่าเป็นความห่วงใยของรัฐบาลเหมือนกัน อยากให้กลับบ้านเลยแต่ว่าขณะนี้เนื่องจากสถานการณ์ ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะว่าเราไม่รู้ว่าสิ่งที่รัฐบาลกัมพูชาพูดเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเป็นการพูดที่เกินเลย หรือบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงไปค่อนข้างมาก เราประเมินกันอีกสักรอบหนึ่ง คิดว่าหากจะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็จะสามารถทำได้ จริง ๆ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการที่กัมพูชาสื่อต่างประเทศและฑูตทหารลงพื้นที่ เขามั่นใจเพราะเป็นคนที่ก่อเอง เพราะฉะนั้นเขามั่นใจว่าเราคงไม่ทำอะไร แต่เราเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะฉะนั้นเราไม่มั่นใจหรอกว่าผู้กระทำได้ยังไง แม้ว่าจะแสดงสถานการณ์ให้รู้สึกว่าเขาเข้าไปมันสงบ ก็เพราะว่าเขาเป็นผู้ละเมิด
เมื่อถามว่าในส่วนของไทยเองจะมีมาตราการเชิงรุกทางด้านการฑูตและการลงพื้นที่ยังไงบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เราไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา ในทางการดำเนินการต่าง ๆ เราได้คุยกับทางนานาชาติอยู่เสมอ ตนคิดว่าเราไม่ได้ด้อยกว่าเขา ข้อสำคัญอยู่ที่หลักฐาน เขาเป็นคนที่พูดไปได้เรื่อย ๆ แต่ต้องมีหลักฐานรองรับที่จะพูดหลาย ๆ เรื่อง
ส่วนเรื่องข้อเท็จจริงของปราสาทตาควายที่มีการพูดกันว่ากัมพูชาได้ตัวปราสาท แต่ไทยได้ในส่วนของดินแดนนั้น หากพูดถึงในแง่การยึด ขณะนี้เรายึดคืนพื้นที่ต่าง ๆ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ และได้ชัยชนะ
เมื่อถามย้ำว่า ได้ในตัวปราสาทหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนพูดไปแล้วว่าเราประสบความสำเร็จและได้ชัยชนะ คือขณะนี้อย่าให้ตนพูดรายละเอียดเพราะจะทำให้มีปัญหาต่อการสู้กันและการเจรจา เอาเป็นว่าเราสบายใจ พอใจกับสิ่งที่เราได้ทำไปว่าเราได้ตอบโต้และรักษาอธิปไตยของเราได้อย่างดี
สำหรับการเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากที่มาเลเซียจะเป็นตัวกลางในการเจรจาเมื่อครั้งที่ผ่านมามีประเทศอื่นเข้ามาเป็นตัวกลางเพิ่มหรือไม่ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ร่วมหารือกับคณะผู้แทนของทั้งไทยและกัมพูชาที่เซี่ยงไฮ้ นายภูมิธรรม ระบุว่า ระหว่างการดำเนินการทั้งหมด ความห่วงใยของประเทศมหาอำนาจอย่างจีนมีการพูดคุยกับเรามาโดยตลอด ซึ่งเขาไม่อยากเห็นการสู้รบกัน อยากให้ทั้งสองประเทศเป็นมิตรกับเขาทั้งหมด และอยากเห็นความสงบสุข ไม่อยากเห็นผลกระทบจากการต่อสู้กัน เช่นเดียวกับทางประธานอาเซียน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และสหรัฐฯ ที่ได้พูดคุยกัน ซึ่งก็มีความห่วงใยและเห็นใจเราว่าในทางการทูต แต่ในฐานะประเทศจะพูดอะไรที่เกินเลยไปไม่ได้ เขาก็พยายามจะพูดด้วยความเป็นกลาง เพื่อให้ทั้งสองประเทศสงบให้ได้ เพราะฉะนั้นขณะนี้ต้องฟังจากผู้ที่เป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่ฟังจากฝั่งกัมพูชาที่ไม่สนใจข้อเท็จจริงสนใจเพียงไอโอ เพราะอย่างที่ตนบอกตนไม่เชื่อถือสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา แม้กระทั่งนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มาคุย เมื่อพูดคุยกันแล้วกลับมาก็ยังเกิดเหตุการณ์อยู่ ก็ไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรที่ตนจะให้การยอมรับ
ในส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเรียกร้องให้ไทยส่งตัว 18 ทหารกัมพูชากลับประเทศโดยเร็วนั้น ฝ่ายไทยมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันจับตัวทหารกัมพูชา 18 คนได้ตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งเป็นวันที่ประกาศหยุดยิง และยังมีการล้ำแดนเข้ามา ซึ่งเดิมทีไทยเตรียมที่จะปล่อยตัวแล้ว แต่ฝ่ายกัมพูชามีการโพสต์ข้อความออกมา ดูเหมือนฝ่ายไทยไปลักพาตัว เพราะฉะนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด หากเรียบร้อยแล้วก็จะส่งตัวคืน แต่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทหารทั้ง 18 นายของกัมพูชา ได้ลักลอบเข้ามาหลังมีการประกาศหยุดยิงแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังใช้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบและสอบสวน
ทั้งนี้กรณีที่มีรายงานว่าโรงพยาบาลบางแห่ง ออกประกาศงดรับผู้ป่วยจากกัมพูชา นายภูมิธรรมกล่าวว่าตนยังไม่ทราบและขณะนี้มีทั้งข่าวปลอมและข่าวจริง ที่สำคัญบางทีคนของเราไปขยายความของเขาจากข่าวเฟกนิวส์ จนทำให้กลายเป็นข่าวจริง ซึ่งวันนี้จะต้องกรองข่าวทั้งหมด โดยฝ่ายไทยอาจจะรู้สึกด้อยกว่ากัมพูชา เพราะฝ่ายกัมพูชาพูดอะไรก็ได้ พูดจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ฝ่ายเรายึดถือเครดิตของประเทศ ดังนั้นหากฝ่ายไทยพูดอะไรออกมาต้องเป็นเรื่องจริง และมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งตรงนี้ไทยอาจสื่อสารช้ากว่ากัมพูชา แต่ก็พยายามปรับปรุงให้เร็วมากขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องทหารกัมพูชา 18 นายที่เราควบคุมตัวและฝ่ายกัมพูชาก็โพสต์ข้อความทันที ซึ่งเมื่อเขาโพสต์เราจึงต้องควบคุมตัวไว้เพื่อตรวจสอบ