จีนเตรียมออกมาตรการควบคุม "ระบบช่วยขับขี่" ที่รักษาสมดุลระหว่างความปลอดภัยและนวัตกรรม
รัฐบาลจีนใกล้ปล่อยมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบช่วยขับขี่บนรถยนต์ตัวใหม่ ที่เข้มงวดกับความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น หลังจากมีเหตุรถยนต์ Xiaomi SU7 พุ่งชนราวกั้นทางในระหว่างที่ผู้ขับเข้าควบคุมรถต่อจากระบบช่วยขับขี่ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยเป็นเหตุที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีน
ทั้งนี้ มาตรการที่รัฐบาลจีนตั้งใจจะปล่อยออกมาต้องการที่จะให้มีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป
มาตรการควบคุมระบบช่วยขับขี่ในปัจจุบันของจีนอนุญาตให้มีระบบที่จะควบคุมพวงมาลัยโดยอัตโนมัติ รวมถึงการเบรก และเร่งความเร็วภายใต้เงื่อนไขบางประการ โดยที่ผู้ขับจะต้องจดจ่ออยู่กับการขับขี่ด้วย ดังนั้น จึงมีการห้ามใช้คำอย่าง “smart” และ “autonomous” ในการโฆษณา
ส่วนมาตรการที่ออกมาใหม่จะเน้นไปที่การออกแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่คอยเฝ้าดูระดับความตระหนักรู้และความสามารถในการเข้าควบคุมรถได้ทันท่วงทีของผู้ขับ
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กดดันให้ผู้ผลิตยานยนต์ในจีนปล่อยระบบช่วยขับขี่ที่ก้าวหน้ามากขึ้น มีชื่อเรียกว่า Level 3 assisted-driving ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับสามารถละสายตาออกจากถนนได้ในบางกรณี โดยจะถือเป็นระบบการช่วยขับที่อยู่กึ่งกลาง ระหว่างระดับที่ 1 – 5 โดยระดับที่ 1 หมายถึงระบบ Cruise Control หรือระบบควบคุมความเร็วให้คงที่ และระดับที่ 5 จะหมายถึงการขับขี่อัตโนมัติในทุกเงื่อนไข
โดยรัฐบาลได้ให้ Changan Automobile ที่รัฐเป็นเจ้าของในการทดสอบระบบ Level 3 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่แหล่งข่าวรายหนึ่งก็ออกมาเผยว่าแผนการที่ว่านั้นก็ต้องพับแผนไว้กลางคัน หลังจากอุบัติเหตุที่เกิดกับ Xiaomi SU7 ทั้งนี้ คาดว่าน่าดำเนินการทดสอบต่อภายในปี 2026
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ระบบช่วยขับขี่ที่ใช้อยู่ทั่วไปในจีนคือ Level 2 ซึ่งรวมถึงระบบ Full Self Driving ของ Tesla และระบบของ Xiaomi โดยมีความสามารถตั้งแต่การขับขี่ทั่วไปบนทางด่วน ไปจนถึงในถนนในเมืองที่มีรถมาก