หยุดยั้งการบ่มเพาะ
เสือตัวที่ 6
ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐไทยกับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่เกิดจากการบ่มเพาะความเกลียดชังให้เกิดกับคนในประเทศกัมพูชาที่มีต่อประชาชนไทยและรัฐไทยโดยผ่านกระบวนการหล่อหลอมกล่อมเกลาในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษาอย่างเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องจนกระทั่งความเกลียดชังของคนกัมพูชาที่มีต่อรัฐไทยถูกฝังรากลึกจนยากที่จะถอดถอนความคิดเกลียดชังเหล่านั้นให้น้อยลงจนหมดสิ้นได้ ในทางตรงข้าม ความรู้สึกเกลียดชังของคนกัมพูชาเหล่านั้นยังถูกตอกย้ำจากการผลิตซ้ำของสื่อสังคมออนไลน์ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนสร้างความเกลียดชังต่อคนไทยและรัฐไทยอย่างเข้มข้นสุดโต่ง เหล่านั้นเป็นกระบวนการสร้างชาติโดยการหลอมรวมผนึกกำลังของคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวอันเป็นวิธีการที่ผู้นำกัมพูชาใช้มาอย่างเข้มข้นหลังจากสงครามอันเกิดจากความแตกแยกภายในชาติ ประกอบกับกาลเวลาที่ผ่านมายาวนาน รัฐไทยปล่อยปะละเลยทัศนะความเกลียดชังของคนกัมพูชาที่มีต่อรัฐไทยจนกระทั่งลุกลามเป็นการต่อสู้ในสงครามจำกัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อระบบการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศ เศรษฐกิจระดับชาติและระดับอุตสาหกรรมจนถึงเศรษฐกิจครัวเรือน และคนในสังคมที่ต่างบาดหมางเกลียดชังระหว่างกันจนยากจะกลับมาเป็นปกติของทั้งสองฝ่าย
สภาพการณ์เหล่านั้นล้วนเกิดจากการที่รัฐไทยปล่อยปละละเลยกระบวนการสร้างความเกลียดชังของผู้นำฝ่ายต่อต้านรัฐไทยด้วยการหล่อหลอมกล่อมเกลา บ่มเพาะความเห็นต่างสร้างความบาดหมางจนลุกลามเป็นความเกลียดชังที่ฝังรากลึกเกินกว่าที่จะถอดถอนความคิดเหล่านั้นออกได้โดยง่ายและกลายเป็นการก่อตัวของพายุใหญ่เป็นคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะถาโถมเข้าใส่เอกราชและอธิปไตยเหนือดินแดนของชาติได้เมื่อถึงเวลา และเมื่อถึงวันนั้น รัฐไทยก็ไม่อาจต่อต้านหรือทัดทานพลังแห่งความเกลียดชังของคนเหล่านั้นได้ เอกราช อธิปไตยเหนือดินแดนที่กำลังก่อตัวเป็นภัยคุกคามจากกลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกดินแดนปลายด้ามขวานโดยมีกลุ่ม BRN เป็นตัวหลัก ก็เป็นลักษณะเดียวกับความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้นจากความเกลียดชังของคนกัมพูชาที่เกิดจากผู้นำกัมพูชาตั้งใจจะสร้างขึ้น
กลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐที่มีกลุ่ม BRN เป็นตัวหลักในขณะนี้ ก็ใช้กระบวนการบ่มเพาะความเกลียดชังให้เกิดกับเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาและในชุมชนผ่านครูสอนศาสนา ผู้นำจิตวิญญาณในพื้นที่อย่างเป็นระบบอันเป็นการก่อตัวของพายุใหญ่ เป็นคลื่นใต้น้ำที่รัฐไทยยังไม่ตระหนักถึงภัยคุกคามใหญ่หลวงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ตอกย้ำความจริงผ่านรายงานการศึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงปี พ.ศ. 2562 – 2566 ของอนุกรรมาธิการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และความมั่นคง ในคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ที่มีข้อค้นพบยืนยันชัดเจนว่า มีการบ่มเพาะความเห็นต่างสู่ความเกลียดชังรัฐไทยในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษาซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และยิ่งในยุคปัจจุบันมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการปฏิบัติการข่าวสารอย่างแพร่หลายเพื่อขยายการบ่มเพาะความเกลียดชังไปเป็นวงกว้าง ตลอดจนนำความเกลียดชังเหล่านั้นไปดำเนินการจัดตั้งและขยายฐานมวลชนเพื่อสร้างกำลังปฏิบัติการรุ่นใหม่ รวมทั้งจัดตั้งมวลชนสนับสนุนการปฏิบัติอย่างเข้มแข็งในอนาคต
การจัดตั้งขบวนการที่มีโครงสร้างอย่างสมบูรณ์แบบทั้งปีกการเมือง ปีกเศรษฐกิจในการหาเงินทุนและการใช้เงินขับเคลื่อนการต่อสู้กับรัฐ และปีกการทหารหรือกำลังติดอาวุธก่อเหตุร้ายทำลายความสงบสุขที่มีศักยภาพมากขึ้นเพื่อเคลื่อนไหวต่อสู้รัฐ และเสริมสร้างผลักดันอุดมการณ์ การแบ่งแยกดินแดนโดยใช้หลักการทางศาสนามาบิดเบือนให้สอดรับกับความเชื่อเพื่อการร่วมกันต่อสู้อย่างทรงพลัง นอกเหนือจากการใช้กำลังปฏิบัติต่อตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อท้าทายอำนาจรัฐแล้ว ขบวนการร้ายแห่งนี้ยังก่อเหตุการณ์ร้ายๆ ทำลายชีวิตชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนทั้งคนไทยพุทธและไทยมุสลิมที่ให้ความร่วมมือกับรัฐในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งก่อเหตุร้ายเพื่อแสดงศักยภาพให้เห็นว่ารัฐไม่สามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ได้นับเป็นการท้าทายอำนาจรัฐในการรักษากฎหมายหรือคงระบบยุติธรรมของรัฐได้ ขณะเดียวกันกลุ่มอาชญากรรม BRN ยังได้ขยายแนวร่วมมวลชนในพื้นที่ด้วยการบ่มเพาะเด็กและเยาวชนทั้งในสถานศึกษาโดยเฉพาะโรงเรียนสอนศาสนาและนอกโรงเรียนสอนศาสนารวมทั้งโรงเรียนตาดีกา ตลอดจนในชุมชนครัวเรือน ด้วยการนำประเด็นประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ เชื้อชาติ ศาสนา วิถีประเพณีวัฒนธรรม มาใช้ในกระบวนการบ่มเพาะหล่อหลอมกล่อมเกลากลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมทั้งกานำเยาวชนคนวัยหนุ่มสาวที่ตกเป็นเหยื่อของการบ่มเพาะที่เข้มแข็งเหล่านั้น มาเข้าสู่กระบวนการฝึกอาวุธให้กับเยาวชนบางส่วนที่มีหน่วยก้านดีเหมาะสมที่จะพัฒนาต่อยอดให้เป็นกองกำลังติดอาวุธอันทรงพลัง
ซึ่งการดำเนินงานบ่มเพาะแนวคิดเกลียดชังรัฐไทยจะเป็นลักษณะปิดลับโดยมีกลุ่มผู้นำศาสนาและกลุ่มครูสอนศาสนาในโรงเรียนบางแห่งเป็นผู้ขับเคลื่อนหรือให้การสนับสนุนการบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่งเหล่านั้นอย่างเป็นระบบ จนเกิดปรากฏความรุนแรงเพิ่มขึ้นในพื้นที่ โดยการก่อเหตุยังคงมุ่งเน้นต่อทั้งผู้บริสุทธิ์ที่เป็นคนไทยพุทธ ไทยมุสลิมและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นหลัก โดยการปฏิบัติงานเป็นลักษณะปิดลับการบ่มเพาะเยาวชนอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีการปฏิบัติการข่าวสารและการดำเนินงานด้านต่างประเทศควบคู่กันไป เพื่อมุ่งหวังผลลดความน่าเชื่อถือของอำนาจรัฐ ทั้งนี้การที่ BRN ยังคงศักยภาพในการต่อสู้กับรัฐอยู่ได้อย่างเข้มแข็งก็เพราะ BRN ยังคงมีการบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่งอยู่ ซึ่งหากรัฐจะเอาชนะ BRN ลงได้ ต้องดำเนินการหยุดยั้งการบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่งของขบวนการร้ายแห่งนี้ให้ได้เสียก่อนโดยสิ้นเชิง