DTCENTครึ่งปีหลังนำ AI พัฒนาสินค้า-บริการครบวงจร
ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 68 นำ AI พัฒนาโปรดักส์และบริการครบวงจร ลุยเปิดศูนย์บริการ DTC SHOP ให้ครบ 20 สาขา ภายในปีนี้ ส่วนศูนย์ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยบนถนนผลตอบรับดีเยี่ยม ภาครัฐ-เอกชน ใช้บริการคึกคัก หนุนผลงานปีนี้เติบโตต่อเนื่อง
นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมิถุนายน 2568) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี AI มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร ทั้ง GPS Tracking, Mobile DVR, IoT Solution เป็นต้น
สำหรับการเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยบนถนน ซึ่งเปิดให้บริการฝึกอบรม 3 หลักสูตร ประกอบด้วย 1.หลักสูตรการขับขี่เชิงป้องกันอุบัติเหตุ การขับขี่เชิงป้องกันเป็นแนวทางที่ช่วยให้การเดินทางบนถนนปลอดภัยยิ่งขึ้น Defensive Driving Course (DDC) 2.หลักสูตรบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งทางถนน Transport Safety Management (TSM) และ 3.ประเมินความพร้อมทางร่างกายของผู้ขับขี่ Psychophysical Driving Test โดยได้รับความสนใจจากลูกค้า องค์กร หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 สาขา ภายในปีนี้ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 15 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว ให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด
ขณะเดียวกัน งานด้านระบบ BAMS (Business Activity Management System) ได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 42 บริษัท และการออกแบบพัฒนาสินค้าฮาร์ดแวร์ ระบบซอฟต์แวร์ ตลอดจนให้บริการซ่อมบำรุงหลังการขาย ตลอด 24 ชั่วโมง การเปิดศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ได้เปิดให้บริการงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้าแล้ว
ส่วนความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ปัจจุบันมีการรับงานโครงการร่วมกัน โดยขยายการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ ในด้าน Supply Chain Solutions เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่ ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์
ขณะที่ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) ร่วมกันศึกษาการทำตลาดด้าน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียน และ บริษัทฯ ได้รับใบ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์เรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ครึ่งปีหลังของปีนี้ DTCENT ยังเดินหน้านำ AI มาพัฒนา ทั้งผลิตภัณฑ์ งานบริการโซลูชันต่างๆ พร้อมมีแผนที่จะออกโปรดักส์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะ ในกลุ่มโลจิสติกส์ ขนส่ง และยานยนต์ไฟฟ้า ที่ปัจจุบันลูกค้าให้ความสนใจในเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น ประกอบกับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน กำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและSmart Logistics ซึ่งเป็นโอกาสให้กับธุรกิจของบริษัทฯ และด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี ในธุรกิจ GPS Tracking และ ขยายไปสู่ IoT Solution พร้อมศักยภาพของทีมงาน จึงมั่นใจว่า รายได้ในปี 2568 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและสามารถเติบโตอย่างมีนัยสำคัญได้ในอนาคต” นายทศพล กล่าว
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568) มีรายได้รวม 177.74 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 25.25 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้รวม 355.04 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 51.55 ล้านบาท
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO