ทำไม? บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงขายเสื้อ 30,000 ตัวหมดเกลี้ยงในไม่กี่วัน
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลที่มีไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จเพียงแค่ในสนามเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องนอกสนามพวกเขาพวกเขาก็ไม่เป็นรองใครเช่นกัน เมื่อเสื้อแข่งขันฤดูกาล 2025/26 ทั้งชุดเหย้า-เยือน ล็อตละ 30,000 ตัว ถูกขายหมดหลังวางขายเพียงไม่กี่วัน
เสื้อเหย้าในสีกรมท่า คอปกสีขาว มีลายผังปราสาทพนมรุ้ง ถูกวางจำหน่ายในวันที่ 2 ส.ค. จำนวน 30,000 ตัว ในราคา 840 บาท และหนึ่งวันต่อมาก็ถูกขายหมดอย่างรวดเร็ว หากคำนวณเป็นเงินรายได้กว่า 25 ล้านบาท หลังจากนั้น สโมสรได้เปิดขายเสื้อเยือนในวันที่ 9 ส.ค. จำนวน 30,000 ตัว ในราคา 840 บาท และแค่วันเดียวก็ถูกขายหมดเกลี้ยงเช่นกัน
เรียกได้ว่าเสื้อทั้งสองล็อตได้รับกระแสตอบรับจากแฟนฟุตบอลเป็นอย่างดี คิดรายได้กว่า 50 ล้านบาท นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับการสร้างปรากฏการณ์ขายเสื้อหมดอย่างรวดเร็ว โดยย้อนกลับไปในฤดูกาล 2023/2024 ก็เคยทำสถิติขายเสื้อล็อตแรก 45,000 ตัว หมดภายในวันเดียว สร้างรายได้กว่า 33.3 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความนิยม และฐานแฟนบอลที่แข็งแกร่ง
หากพูดในเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการตลาด กับกรณีที่เคยขึ้นถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ สามารถโยงได้ด้วยทฤษฏี ดังต่อไปนี้
Strong Brand Building
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่แค่ทีมฟุตบอลเท่านั้น แต่มีภาพลักษณ์ของความเป็นแบรนด์อันแข็งแกร่งจากการบริหาร ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ และการสื่อสารการตลาดที่ส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหล่านี้ ทำให้แฟนฟุตบอลเกิดความเชื่อมั่นในคุณค่าของแบรนด์ อยากมีส่วนร่วม อยากเป็นส่วนหนึ่งไปกับสโมสร
Fan-Centric Strategy
เรื่องของแฟนคลับ หรือ GU12 เป็นเรื่องที่สโมสรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอมา ทั้งในเรื่องของสนามการแข่งขัน, กิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างการมีส่วนร่วม แม้จะมองเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสร้างความรู้สึกว่าตนเองมีความผูกพัน เป็นส่วนสำคัญของสโมสร และการเปิดขายเสื้อเปรียบกับการมอบโอกาสให้กับแฟน ๆ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับสโมสร
Relationship Marketing
สโมสรสร้างความผูกพันที่แข็งแกร่งกับแฟนบอล โดยเฉพาะคนในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่สโมสรเปรียบเสมือนกับตัวแทนจังหวัดลงทำการแข่งขัน โดยการได้สวมเสื้อฟุตบอล คือการสนับสนุน แสดงถึงความรัก และความผูกพันที่มีให้
Scarcity Marketing
ด้วยจำนวนจำกัด เปิดขายล็อตละ 30,000 ตัว สร้างความรู้สึกให้กับแฟนฟุตบอล “กลัวพาด” หากไม่ตัดสินใจซื้อในครั้งนี้ และไม่รู้เลยว่าจะเปิดขายอีกทีเมื่อไหร่ เมื่อรู้ว่าสินค้ามีจำนวนจำกัด และอาจจะหมดในเวลาอันรวดเร็ว จึงทำให้ผู้คนจึงรีบตัดสินใจซื้อทันทีเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส ซึ่งเป็นการกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Communication and Digital Marketing Strategy
สโมสรใช้ช่องทางสื่อสารดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ โดย Facebook ที่คอยอัปเดตความเคลื่อนไหวการเปิดขายเสื้ออย่างต่อเนื่อง และน่าสนใจ ผ่านการครีเอทคอนเทนต์ สร้างเรื่องราวขึ้นมา ทำให้แฟนฟุตบอลเกิดความตื่นเต้นที่อยากจะเป็นเจ้าของเสื้อตัวใหม่นี้
กลยุทธ์เหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทำให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นแค่สโมสรฟุตบอล แต่เป็นองค์กรธุรกิจที่มีการตลาดแข็งแกร่งและสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคได้อย่างยอดเยี่ยม
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ