‘นอภ.เกาะกูด’ แจงที่มา ‘หมู่บ้านกัมพูชา’ สั่งดำเนินคดีทางกฎหมายเตรียมรื้อถอนแล้ว
จากกรณีข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ที่ระบุว่ามีชาวกัมพูชา 20 ครอบครัว เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนเกาะกูด จ.ตราด นั้น ล่าสุดทางอำเภอเกาะกูด ได้ทำรายงานข้อเท็จจริงชี้แจงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตราด โดยยืนยันว่าบุคคลดังกล่าว เป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ได้สร้างที่พักอาศัยชั่วคราวโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการทางกฎหมายแล้ว
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด จ.ตราด เปิดเผยว่า เมื่อเดือน พ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะกูด ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.เกาะกูด และตรวจพบเพิงพักจำนวน 13 หลัง ในที่ดินของชาวไทย 3 ราย ได้แก่ที่ดินของ นางชูศรี เถาวัลย์ พบเพิงพัก 5 หลัง, ที่ดินของ นายบุญมี สองเมือง พบเพิงพัก 5 หลัง และที่ดินของ นายบังเอิญ กระต่ายจันทร์ พบเพิงพัก 3 หลัง
จากการสอบสวนพบว่า 12 หลัง เป็นของแรงงานชาวกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในโรงแรมและรีสอร์ทบนเกาะกูดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่เนื่องจากทางโรงแรมไม่อนุญาตให้นำครอบครัวเข้าพักอาศัยด้วย จึงมาเช่าที่ดินเพื่อปลูกเพิงพักอาศัยชั่วคราว
ทั้งนี้ อบต.เกาะกูด ได้ออกคำสั่งทางกฎหมาย เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2567 ให้ระงับการก่อสร้างและห้ามใช้อาคารดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
นายอำเภอเกาะกูด กล่าวว่า ในส่วนประเด็นเรื่องการสร้างถนนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แรงงานกลุ่มนี้ ฝ่ายปกครองชี้แจงว่า ถนนดังกล่าวเป็นถนนดินลูกรังเดิมที่มีอยู่แล้ว ความยาวประมาณ 700 เมตร ซึ่งประชาชนใช้น้อยลง หลังมีเส้นทางใหม่ที่ตรงกว่า ต่อมา อบจ.ตราด ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อปรับปรุงเป็นถนนคอนกรีต แต่การก่อสร้างถูกเจ้าหน้าที่ทหารระงับไว้ชั่วคราว เนื่องจากยังไม่ได้ขออนุญาตจากกองทัพเรือให้ถูกต้อง และยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดสร้างถนนเพื่อเอื้อประโยชน์แก่แรงงานชาวกัมพูชาตามที่เป็นข่าว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ยังคงมีแรงงานกัมพูชาอาศัยอยู่ 19 คน (รวมเด็ก 8 คน) ซึ่งได้ขอผ่อนผันและจะย้ายออกจากพื้นที่ภายในวันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568 นี้ หลังจากนั้น อบต.เกาะกูด จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อรื้อถอนเพิงพักดังกล่าวต่อไป