โลกจับตา "ทรัมป์-ปูติน" เจรจาหยุดยิงยูเครน กระทบตลาดการเงินโลก
ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังจับตามองการพบกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ที่อลาสกาในวันนี้ (15 ส.ค.) เพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นจนสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่ราคาพลังงานที่พุ่งสูง ราคาสินค้าอาหารทะยาน กระทบสินทรัพย์ยุโรป และตัดขาดเศรษฐกิจรัสเซียจากโลกตะวันตก
แม้ตลาดยังรอฟังรายละเอียดและความยั่งยืนของข้อตกลง นักลงทุนยังคงจับตาพันธบัตรรัฐบาลยูเครนซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่น ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวใกล้ 55 เซนต์ต่อดอลลาร์ สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ยังบอบช้ำ
ยุโรปเผชิญแรงกดดันหนัก
เศรษฐกิจยุโรปซึ่งพึ่งพาก๊าซราคาถูกรัสเซียเป็นหลัก ต้องเผชิญราคาพลังงานที่พุ่งสูงจนทำให้เศรษฐกิจเยอรมนีซบเซา ตลาดหุ้นยุโรปโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมและเคมีภัณฑ์ถูกกดดันหนัก แม้ดัชนี STOXX 600 กลับมาใกล้ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่หุ้นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศพุ่งแรงตั้งแต่ปี 2565 โดย Leonardo เพิ่มกว่า 600% และ Rheinmetall ทะยานกว่า 1,500%
ราคาพลังงานพุ่ง ข้อตกลงการค้าพลังงานใหม่
การรุกรานยูเครนทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งถึง 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติดัตช์ TTF ทะยานเกือบ 300% จนสหภาพยุโรปต้องหันนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ แทนก๊าซรัสเซีย ปัจจุบันราคาน้ำมันและก๊าซแม้ลดลงจากจุดสูงสุดปี 2565 แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังถึง 50% และ 300% ตามลำดับ
เงินเฟ้อโลก ราคาสินค้าอาหารสูงต่อเนื่อง
สงครามยังซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อหลังโควิด-19 จากการหยุดชะงักของการส่งออกสินค้าเกษตรรัสเซียและยูเครน ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง แม้อัตราเงินเฟ้อลดลงในหลายประเทศตั้งแต่ปลายปี 2565 แต่ราคาสินค้าอาหารยังอยู่ในระดับสูง โดยข้อมูลองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติระบุว่า เดือนกรกฎาคม ราคาสินค้าเกษตรโลกสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี
เศรษฐกิจยูเครน-รัสเซีย
ยูเครนต้องปรับโครงสร้างหนี้รัฐบาล 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา หลังขาดสภาพคล่องจากสงคราม พันธบัตรยูเครนเคยดีดขึ้นจากความหวังข้อตกลงสันติภาพ แต่ร่วงลงอีกจากความขัดแย้งทางการเมืองกับสหรัฐฯ ก่อนจะฟื้นตัวบางส่วนในสัปดาห์นี้
เศรษฐกิจรัสเซียหดตัวจากมาตรการคว่ำบาตรตะวันตก แต่กลับฟื้นในปี 2566-2567 จากการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ แม้เจ้าหน้าที่บางส่วนเตือนถึงความเสี่ยงถดถอย ค่าเงินรูเบิลซึ่งเคยร่วงทำสถิติต่ำสุดในช่วงแรกของสงคราม กลับแข็งค่าขึ้นเกือบ 40% เทียบดอลลาร์ในปีนี้ และรัสเซียหันมาค้าขายกับจีนในสกุลเงินหยวนมากขึ้น จนหยวนกลายเป็นสกุลเงินหลักในการค้าของรัสเซีย
ค่าเงินโลกสั่นคลอน
สงครามกดดันค่าเงินยูโรให้ร่วงเกือบ 6% เทียบดอลลาร์ในปี 2565 นักวิเคราะห์มองว่าหากเกิดการหยุดยิง อาจช่วยหนุนยูโร แต่ปัจจัยด้านนโยบายการเงินยังมีน้ำหนักสำคัญ ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวคว่ำบาตรและการอายัดทรัพย์สินรัสเซียราว 3 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565 เร่งให้หลายประเทศเดินหน้าลดการพึ่งพาดอลลาร์ (de-dollarisation)
นักลงทุนทั่วโลกจึงรอฟังผลการเจรจาระหว่างทรัมป์และปูติน ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินในหลายภูมิภาค