OpenAI เปิดตัว GPT-5 ฉลาดกว่าเดิม เร็วขึ้นอีก มันสมองระดับดอกเตอร์
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 (ตามเวลาประเทศไทย) OpenAI เปิดตัว GPT-5 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี AI รุ่นล่าสุด และกลายเป็นโมเดล AI ที่ “ฉลาดที่สุด” เท่าที่เคยมีมา โดยสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในเรื่องการเขียนโปรแกรม คณิตศาสตร์ เขียนบทความ สุขภาพ สร้างเกม และอีกมากมาย โดย GPT‑5 กำลังกลายเป็นเครื่องมืออัจฉริยะที่เทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญในหลายสายงาน
Sam Altman CEO ของ OpenAI ได้เปรียบเทียบ GPT กับรุ่นก่อนหน้าไว้ได้น่าสนใจ โดย
GPT-3 ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับ “นักเรียนมัธยมปลาย”
อาจจะได้คำตอบที่ถูก หรืออาจจะได้อะไรที่หลุดโลกไปเลย
GPT-4 ให้ความรู้สึกเหมือนกับคุยกับ “นักศึกษามหาวิทยาลัย”
ให้คําตอบที่ถูกต้องมากขึ้น และสามารถพูดคุยโต้ตอบได้อย่างแท้จริง
GPT-5 เป็นครั้งแรกที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้คุยกับ “ผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก”
ที่สามารถปรึกษาได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ ไปจนถึงเรื่องที่ซับซ้อน
คิดก่อนตอบ (Reasoning)
คําถามคือ แล้วอะไรทั้ทําให้ GPT-5 ฉลาดขึ้น สิ่งนี้เรียกว่า Reasoning หรือ GPT-5 Thinking สิ่งนี้จะทําให้ AI มีเวลาในการใช้เวลาประมวลผล “การคิด” เกี่ยวกับคําตอบมากขึ้น ช่วยให้แก้ไขปัญหาที่ท้าทาย เช่น การแก้โจทย์ทางคณิตศาสตร์หรือการดำเนินการที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้การใช้เหตุผลและการตัดสินใจขั้นสูง เพื่อให้ได้คําตอบที่ดีที่สุดสําหรับคําถามนั้น ๆ
สรุปง่าย ๆ คือจะตอบเร็วสําหรับคําตอบทั่วไป แต่ถ้าเป็นคําถามที่มีความซับซ้อนสูง GPT-5 จะสลับไปใช้ GPT-5 Thinking โดยอัตโนมัติ
GPT‑5 ทำลายสถิติ สร้างมาตรฐานใหม่ในหลายด้าน
GPT‑5 แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าทุกรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะด้านคณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการแพทย์ ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโมเดลนี้ได้อย่างชัดเจน
- คณิตศาสตร์: ทำคะแนนสูงถึง 94.6% ในการทดสอบ AIME 2025 โดยไม่ใช้เครื่องมือช่วย
- การเขียนโค้ด: ทำได้ 74.9% ใน SWE-bench Verified และ 88% ใน Aider Polyglot แสดงถึงความสามารถในการแก้ปัญหาจริง
- ความเข้าใจหลายรูปแบบ (Multimodal): ได้คะแนน 84.2% ใน MMMU ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดทดสอบที่ท้าทายที่สุด
- สุขภาพ: ได้คะแนน 46.2% ใน HealthBench (ระดับ Hard) และสามารถสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น
- ทั่วไป: บนชุดทดสอบ GPQA ซึ่งเน้นความเข้าใจที่ลึกซึ้ง GPT‑5 Pro ทำคะแนนสูงสุดที่ 88.4% โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ
GPT-5 กับ 3 รุ่นย่อย
GPT-5 มีความสามารถเต็มรูปแบบ เร็ว ฉลาด และคิดเชิงลึก รองรับงานทั่วไปครบ เช่น เขียนโค้ด การเขียน งานสุขภาพ ใช้งานทั่วไป และงานที่ต้องการซับซ้อนสูง ต้องการเหตุผลเชิงลึก
GPT-5 mini รุ่นเบากระทัดรัด ต้นทุนต่ำ ตอบสนองได้เร็ว สำหรับใช้เป็นโมเดลสำรองเมื่อใช้งานโมเดลหลักเกินขีดจำกัด งานที่ตอบไม่ซับซ้อน เข้าถึงง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย
GPT-5 nano รุ่นเล็กที่สุด เร็วและใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด เหมาะกับคำถามแบบ Q&A ปริมาณสูงหรือจำกัดค่าใช้จ่าย เหมาะกับอุปกรณ์จำกัด เช่น สมาร์ตโฟน หรือใช้งานที่เน้นความเร็วและจำนวนมาก
ใครสามารถใช้งานได้บ้าง?
ทาง OpenAI ยืนยันว่าจะให้ผู้ใช้งาน ChatGPT ทุกคนสามารถใช้งาน GPT-5 ได้ทุกคน แต่เงื่อนไขจะแตกต่างกันออกไป
ผู้ใช้ฟรี เริ่มต้นด้วย GPT-5 และเมื่อใช้งานถึงขีดจํากัด จะสลับไปใช้ GPT-5 Mini ซึ่งเป็นโมเดลที่เล็กกว่าแต่ยังมีความสามารถที่สูง
ผู้ใช้งาน Plus จะได้รับโควต้าการใช้งานที่สูงกว่าผู้ใช้งานฟรี
ผู้ใช้งาน Pro สามารถใช้ GPT-5 แบบไม่จํากัด
ทั้งนี้ OpenAI จะเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT แบบฟรีและสมาชิกแบบจ่ายเงิน สามารถใช้งาน GPT-5 ได้ทันทีนับตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมเป็นต้นไป ตามเวลาประเทศไทย ส่วนลูกค้ากลุ่มการศึกษาและองค์กร จะเริ่มใช้ได้ในสัปดาห์ถัดไป โดยลูกค้าแบบจ่ายเงิน จะได้รับสิทธิ์ใช้งานในระดับที่สูงกว่า