พาณิชย์ เร่งหาตลาดใหม่ รองรับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา
นายพีรพัฒก์ อุทัยศรี ผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนจังหวัดสตูล (JUAL BELI – จูวัล บือลี) ระหว่างวันที่ 7-10 สิงหาคมนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดน เนื่องจากจังหวัดสตูลมีพื้นที่ติดชายแดนมาเลเซีย และมีศักยภาพทางด้านการค้าและการท่องเที่ยว กรมฯ ได้รวบรวมผู้ประกอบการจากหลายจังหวัดทั่วประเทศกว่า 120 ราย มาจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าเกษตร ไลฟ์สไตล์ ความงามและสุขภาพ รวมถึงสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน
ภายในงาน ยังมีจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ การให้คำปรึกษาจากหน่วยงานพันธมิตร มีผู้ประกอบการจากมาเลเซีย เวียดนาม เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ คาดว่าตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน จะสร้างมูลค่าการซื้อขายและการเจรจาธุรกิจกว่า 40 ล้านบาท ส่วนยอดขายของผู้ประกอบการภายในงานคาดว่าไม่ต่ำกว่าหลักล้าน
สำหรับภาพรวมการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย 6 เดือนแรกของปี 68 ยังเติบโตได้ดี สินค้าหลักที่ส่งออก เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ / สินค้า Value Chain คาดว่า ปีนี้ ยอดการค้าไทย-มาเลเซียยังเป็นบวก แม้ว่าจะมีปัญหาชายแดนกัมพูชาที่มีข้อจำกัดในการส่งออก ซึ่งหากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาคลี่คลาย กรมฯ มีแผนที่จัดงานมหกรรมค้าชายแดนในพื้นที่ผลกระทบ แต่หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ก็จะนำผู้ประกอบการในพื้นที่ เข้าร่วมงานในพื้นที่อื่นต่อไป เพื่อเพิ่มช่องทางในการระบายสินค้าในพื้นที่
นอกจากนี้ สำหรับผลการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา นายพีรพัฒก์ ระบุว่า ฝากความหวังไว้กับการเจรจรจา โดยเฉพาะข้อยุติการหยุดยิงหากเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่และนำไปสู่การผ่อนคลายสถานการณ์ ซึ่งท้ายที่สุดหากนำไปสู่การเปิดด่านค้าชายแดนไทย-กัมพูชาได้ ก็อยากให้มีการเปิดด่าน
ขณะเดียวกัน ขณะนี้ผู้ประกอบการมีการปรับเปลี่ยนช่องทางขนส่งสินค้าไปสู่ช่องทางอื่นแล้ว เช่น ทางเรือ และบางส่วนขนส่งสินค้าผ่านประเทศที่ 3 เช่น ลาว เข้ากัมพูชา ทำให้ต้นทุนขนส่งสินค้าสูงขึ้น 30-40% โดยกรมฯ ได้มีการหารือกับทูตพาณิชย์ ณ กรุงพนมเปญ และเวียงจันทน์ เพื่อหารือการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางอื่น
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการรับมือกับค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ในส่วนของกรมการค้าต่างประเทศ มีการหารือทูตพาณิชย์เวียงจันทน์แล้ว ทราบว่าค่าขนส่งและค่าดำเนินการเพิ่มขึ้น โดยเส้นทางขนส่งที่มีการอ้อมเข้าไปทาง สสป.ลาว จะออกทาง จ.มุกดาหาร และช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี ซึ่งค่าขนส่ง ค่ายกตู้ ค่าเปลี่ยนหัวลาก สำรวจราคาค่อนข้างคงที่แล้ว
ส่วนค่าธรรมเนียมอื่นๆ ได้ประสาน บริษัท โลจิสติกส์ของ สปป.ลาว ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่ยินดีรับสินค้าไทยให้ผ่านแดน สปป.ลาว ในราคาที่จับต้องได้ ทั้งนี้ จะมีการประสานงานกับสภาธุรกิจและสภาอุตสาหกรรมให้ทราบข้อมูลนี้ต่อไป
ทั้งนี้ จากตัวเลขการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ในเดือนมิถุนายน 68 ที่ลดลง 23.3% จากปัญหาความขัดแย้ง คาดว่า ตัวเลขของเดือนกรกฎาคมจะลดลงมากกว่านี้ เนื่องจากด่านปิดถาวรตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ทำให้การขนส่งทางบกไม่มีตัวเลขเพราะผู้ประกอบการเปลี่ยนไปขนส่งผ่านทางเรือถึง 90% และอีก 10% เปลี่ยนไปใช้เส้นทางผ่าน สปป.ลาว ส่วนมูลค่าความเสียหาย การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา คาดว่า ตัวเลขจะลดลง แต่จะไปเพิ่มการส่งสินค้าทางเรือแทน
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกค่าขนส่งทางเรือมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น แต่เรือมีไม่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้มีการเพิ่มจำนวนเรือแล้ว ทำให้ค่าบริการขนส่งสินค้าผ่านทางเรือเริ่มคงที่
โดยสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้กรมการค้าต่างประเทศช่วยเหลือ คือ การออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานสถาบันการเงิน เช่น SME D Bank และ EXIM Bank ออกมาตรการสินเชื่อเรียบร้อยแล้ว / ส่วนการค้าชายแดนท้องถิ่น หน่วยงานระดับจังหวัดได้ให้ความช่วยเหลือ หาแหล่งจำหน่ายใหม่ให้ผู้ประกอบการระบายสินค้าแล้ว
ทั้งนี้ จากปัญหาชายแดนกัมพูชา ยอมรับว่า มีผลกระทบภาพรวมการค้าชายแดน รวมถึงกรณีที่เมียนมาห้ามส่งสินค้ากลุ่มพลังงานและวัสดุก่อสร้างด้วย แต่จากตัวเลขการค้าตั้งแต่ต้นปี เชื่อว่า ภาพรวมยังเป็นบวก คาดว่าสิ้นปี 68 นี้ ยังคงขยายตัวได้ 2% จากปีที่แล้ว มูลค่าแตะ 1.8 -1.9 ล้านล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กัมพูชา ห้ามนำเข้าสินค้าไทย เฉพาะผักผลไม้-เชื้อเพลิง อย่างอื่นอนุญาต!
สั่ง พาณิชย์ ช่วยผู้ประกอบ หาตลาดทดแทน ชายแดนไทย-กัมพูชา
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พาณิชย์ เร่งหาตลาดใหม่ รองรับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com